“อนุภาพ ลอยฟ้า” นำดีบุก ต่อยอดภูมิปัญญา “สารภี” สู่เวทีโลก

สัมภาษณ์

หากพูดถึงวงการดีไซเนอร์ ศิลปะการออกแบบ “ปารีส” หรือฝรั่งเศส มักจะถูกกล่าวถึงเป็นอันดับแรกเสมอ เพราะเหมือนปลายทางของศูนย์รวมแฟชั่นจากทั่วทุกมุมโลก โดย “อนุภาพ ลอยฟ้า” เจ้าของแบรนด์ “LOYFAR COMPANY LIMITED” ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านและเครื่องประดับซึ่งทำมาจากเงินและดีบุก เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ก้าวเข้าไปสั่งสมประสบการณ์ด้านออกแบบในปารีส ก่อนหวนคืนสู่บ้านเกิด เพื่อผลักดันการออกแบบสไตล์ไทย-สไตล์ตนเอง ไปแข่งขันในตลาดโลก

“อนุภาพ” เล่าให้ “ประชาชาติธุรกิจ” ฟังว่า หลังจากเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ตัดสินใจเข้าทำงานกับบริษัทออกแบบจิวเวลรี่ของฝรั่งเศส แล้วเดินทางไปอยู่ที่ฝรั่งเศสเลย หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่นานหลายปีจึงกลับมาประเทศไทย เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองที่บ้านเกิดในจังหวัดเชียงใหม่

ปี 2542 โดยเลือกหยิบดีบุกซึ่งเป็นวัตถุดิบจากภูเก็ตมาปรับโฉม เริ่มแรกจัดทำเป็น “เหยือกเบียร์” แล้วคิดค้นเทคนิคการผลิตใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์จากแนวคิดตามรูปทรงที่มีในธรรมชาติ เช่น เรื่องราวของแม่น้ำ ลำธาร เป็นต้น

“ยุคแรกเริ่มกิจการผมได้แนวคิดมาจากวัฒนธรรมของชุมชนอำเภอสารภี ที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีช่างฝีมือของหมู่บ้านจำนวนมากที่ทำตาข่ายดักปลา เครื่องจักสาน และลายถัก ผมมาเรียนรู้งานและฝึกฝน มองเห็นว่าสามารถตั้งโรงงานได้ จึงตั้งโรงงานขึ้นในอำเภอสารภี ปรับรูปแบบจากตาข่ายดักปลาให้เป็นงานโลหะ นำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน และชิ้นงานที่ทำให้แบรนด์ลอยฟ้าเป็นที่รู้จัก คือ

“คอรอลดีไซน์” มีลักษณะเป็นลวดลายปะการัง ราคาตั้งแต่ 20-30 ดอลลาร์ จนถึง 100 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นงาน เรียกได้ว่าคอรอลดีไซน์เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่ผมภูมิใจ นอกจากนี้ยังมีของตกแต่งรูปช้างขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในแค็ตตาล็อกสินค้าของสายการบินไทยมากว่า 4 ปีซ้อน ทั้งยังเป็นสินค้าขายดี ของแค็ตตาล็อกอีกด้วย”

สำหรับแบรนด์ลอยฟ้าเริ่มแรก 70% ของสินค้าทั้งหมดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศยุโรปสู่ตลาดพรีเมี่ยม เพราะพื้นฐานเดิมของสินค้าเป็นที่รู้จักอยู่ในฝรั่งเศส ส่วนอีก 30% เป็นการฝากขายตามร้านอยู่ในประเทศไทย ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกเหลือ 50% แบ่งเป็นส่งไปตลาดยุโรป 20% จีน 30% ด้วยตลาดเปลี่ยนทำให้การแข่งขันไปอยู่ที่ประเทศจีน ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนการออกแบบให้มีสีสันมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการขายในลักษณะรับจ้างผลิต (OEM)

สำหรับตลาดภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 50% ขายตามช็อปในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศไทย จำนวน 10 แห่ง เช่น สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, เทอร์มินอล 21, เซ็นทรัล ภูเก็ต, โรงแรมรายาวดี จังหวัดกระบี่, สนามบินเชียงใหม่ เป็นต้น ส่วนตลาดต่างประเทศวางขายในช็อปที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน 2 ช็อป และการขายผ่านดิสทริบิวเตอร์ในประเทศมาเลเซีย 3 ช็อป รวมยอดขายเฉพาะช็อปทั้งตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ ประมาณ 15-20 ล้านบาท/ปี และภาพรวมที่เป็นแฮนด์คราฟต์อยู่ในตลาดนิชมาร์เก็ต ทำให้ตัวเลขการเติบโตต่อปีไม่มากมายนัก ประมาณ 5-10% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบหรือดีบุกที่ใช้ในการทำชิ้นงานนั้นเดิมทีมีการซื้อมาจากภูเก็ตที่ยังพอมีแหล่งผลิตสินแร่ดีบุกอยู่บ้าง แต่เมื่อแร่ดีบุกมีจำนวนลดลง ต้องนำเข้าจากประเทศมาเลเซียมาถลุง หรือแปรรูปที่ภูเก็ต เนื่องจากมีโรงงานถลุงแร่ที่มีศักยภาพอยู่ โดยมีการซื้อวัตถุดิบสต๊อกไว้และต้องเลือกซื้อในวันที่ราคาลงเช่นเดียวกับราคาทองคำ