“ส.ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย” สัญจรเชียงใหม่ หนุนรัฐใช้ กม.สอดคล้องสังคม-ศก.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2561 สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย หรือ TABBA จัดกิจกรรมสัมมนาสัญจรมายังจังหวัดเชียงใหม่ พบปะผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในจังหวัดเชียงใหม่ ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้อง สร้างความเข้าใจร่วมกันและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ

นายธนากร คุปตจิตต์ นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย หรือ TABBA เปิดเผยว่า กิจกรรมสัมมนาสัญจรในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่สมาคมฯจัดขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเลือกจังหวัดเชียงใหม่นำร่องเป็นที่แรก เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลรื่นเริงที่กำลังจะมาถึงนั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในพื้นที่และบรรยากาศของการท่องเที่ยว

โดยวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อพบผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ผู้ค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นหรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ เข้าใจกฎหมายที่มีอยู่ และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งในส่วนของเนื้อหาที่นำมาแลกเปลี่ยนเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 อาทิ มาตรา 32 การโฆษณา ซึ่งยังมีความคลุมเครือในบางประเด็น และพึ่งพิงการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงานมากเกินไป จึงขาดแนวทางในการปฏิบัติที่แน่นอน ทั้งยังเอื้อให้เกิดผลประโยชน์ที่อาจสร้างแรงจูงใจทางอ้อมให้เกิดการตีความอย่างไม่เป็นธรรม อันเนื่องมาจากเงินสินบนรางวัล

ขณะเดียวกันภาคประชาชนได้ให้ความเห็นว่า พ.ร.บ. ดังกล่าวมีเนื้อหารสาระที่ดี แต่ขาดความชัดเจนในการปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สร้างความสับสนให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ และส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อภาคธุรกิจและท่องเที่ยว ทั้งนี้ ยังมีความเห็นที่จะให้เกิดความยุติในประเด็นความขัดแย้งของการตีความตามกฎหมาย ก็ควรที่จะได้มีองค์กรกฎหมายคนกลางมาให้แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการโฆษณา เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาความคลุมเครือและไม่ชัดเจนได้

นอกจากนี้ สมาคมฯ มองว่าการพิจารณาเวลาการขายที่เหมาะสมโดยไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเมืองท่องเที่ยวในบางพื้นที่ อาทิ เชียงใหม่ ภายใต้การควบคุมและความร่วมมือจากผู้ประกอบธุรกิจที่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เป็นธรรมและชัดเจน จะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างการเติบโตของภาคธุรกิจอีกด้วย

นายธนากร กล่าวต่อว่า กิจกรรมที่ทางสมาคมฯจัดขึ้นครั้งนี้ คาดว่าจะสร้างความเข้าใจและมาตรฐานการดำเนินงานของผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎหมายที่มีอยู่ และมีความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจไปพร้อมๆ กัน โดยทางสมาคมฯ อยากเสนอให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาประเด็นดังกล่าว เพื่อปรับปรุง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ให้มีความชัดเจน ทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์ สอดคล้องกับหลักสากล พร้อมทั้งร่วมกันแสวงหาความกระจ่างชัดในการตีความที่ถูกต้องตามเจตนารมย์ของกฎหมาย และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม พร้อมให้ความรู้ต่อสังคมอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับโทษของการดื่มอย่างเป็นอันตราย ที่จะช่วยควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างครอบคลุมต่อไป

นายแพทย์วรพงษ์ สำราญทิวาวัลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ กล่าวว่า การจะกำจัดแอลกอฮอล์ออกไปจากสังคม 100% คงเป็นไปได้ยาก แต่การทำให้คนในสังคมมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องผลกระทบจากการดื่มหากเลือกที่จะดื่ม หรือเมื่อไรที่ไม่ควรดื่มเลยนั้น เชื่อว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก ในการลดจำนวนการดื่มอย่างเป็นอันตราย ซึ่งหมายถึงเมาแล้วขับ เยาวชนดื่มก่อนวัยอันควร ที่ร้อยละ 10 ภายในปี พ.ศ. 2568

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงประเด็น รวมถึงไม่สร้างภาระให้กับผู้ประกอบการร้านค้า ภาครัฐจึงควรรับฟังความคิดเห็นของภาคธุรกิจและประชาชน เพื่อสร้างมาตรฐานและความเข้าใจร่วมกัน และส่งเสริมให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน