ขนส่งตรังคึกคักออร์เดอร์จีนทะลัก 2 เท่า

ส่งออกพุ่ง - ผู้ส่งออกไม้ยางพารา และยางประเภทต่าง ๆ ของ จ.ตรังได้รับออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้าจากผู้นำเข้าจีนจำนวนมากหลังการเปิดประเทศ

ธุรกิจขนส่งเมืองตรัง โตสวนกระแสออร์เดอร์ทะลักท่าเรือกันตังกว่า 2 เท่าตัว เหตุจีนเปิดประเทศลุยสั่งไม้ยางพาราไปเก็บสต๊อก

นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ผู้บริหารบริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด อ.กันตัง จ.ตรัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์ธุรกิจส่งออกของจังหวัดตรังมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไม้ยางพาราแปรรูป และยางประเภทต่าง ๆ อาทิ ยางเครป ยางแผ่น ยางก้อนเป็นต้น โดยมีออร์เดอร์จากประเทศจีนทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย ทำให้มีการสั่งสินค้าไปเก็บในสต๊อกและป้อนโรงงานที่ปิดตัวไปในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา

ปกติบริษัทรับส่งสินค้าเป็นตู้คอนเทนเนอร์จากผู้ประกอบการจังหวัดตรัง และจังหวัดใกล้เคียงมาลงที่ท่าเรือ อ.กันตัง จ.ตรัง ก่อนส่งไปท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย ใช้เวลาประมาณ 2 วัน และผ่านไปยังประเทศปลายทางทั่วโลก ขณะนี้สินค้าหลักเป็นไม้ยางพาราแปรรูป และยางพาราประเภทต่าง ๆ และตลาดหลักเกือบ 100% เป็นประเทศจีน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 21 วัน โดยจะส่งออกประมาณ 12-16 เที่ยวต่อเดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกประมาณ 5-8 เที่ยว ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว โดยแต่ละเที่ยวมีสินค้าส่งออกผ่านบริษัท ศรีตรังฯ ประมาณ 100-120 ตู้คอนเทนเนอร์ และแต่ละตู้คอนเทนเนอร์หนักประมาณ 15-30 ตัน แล้วแต่ตู้ขนาดเล็กหรือใหญ่

“ปกติแล้วธุรกิจการนำเข้า-ส่งออกจะเงียบมาตลอดตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นมา และมาหยุดดชะงักในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้จีนปิดเมืองอู่ฮั่น ก่อนที่จะปิดประเทศ หลังจากนั้นช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมาก็เริ่มมีออร์เดอร์จากประเทศจีนทะลักเข้ามา ส่งผลให้สินค้าที่จะส่งออกผ่านท่าเรือ อ.กันตัง ล้น เพราะสินค้าที่รอการส่งออกในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีการสต๊อกไว้มาก จึงมีการระบายสินค้าออกทันที ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว” นายชัยวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิกล่าวต่อไปว่า แม้ว่าปริมาณการส่งออกจะเพิ่มขึ้น แต่ทว่าราคาไม้ยางพาราและยางพาราประเภทต่าง ๆ ยังมีราคาที่ไม่ดีนัก เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง โดยเฉพาะราคาไม้ยางพาราแปรรูป ราคาจะยังอยู่ระดับทรงตัวหรือปรับลดลงไปอีกได้ เนื่องจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องคือเฟอร์นิเจอร์ ยังไม่ขยายตัวมากนัก มูลค่าไม้ยางแปรรูปที่ส่งออกประมาณ 2 แสนบาทต่อตู้ ขณะที่ยางประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำยางพารา มีมูลค่าต่อตู้คอนเทนเนอร์กว่า 6-7 แสนบาท ยังถือว่าพอที่จะมีแนวโน้มทรงตัวหรือดีขึ้น แม้ว่าตลาดยางรถยนต์จะไม่สู้ดี แต่ตลาดถุงมือยางทางการแพทย์กลับดีขึ้นและยังมีความต้องการยางพาราเป็นวัตถุดิบในอัตราที่เพิ่มขึ้น

“อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโลจิสติกส์แนวโน้มจากนี้ไปสถานการณ์น่าจะดีในช่วงไม่เกินปลายปีนี้ หลังจากนั้นน่าจะชะลอตัวลงไปอีก เพราะเมื่อประเทศจีนสั่งสินค้าเข้าไปตุนในโรงงานเต็มสต๊อกชดเชยจากที่ขาดในช่วงที่ปิดประเทศแล้ว จากนั้นจะชะลอการนำเข้า นั่นหมายความว่าธุรกิจโลจิสติกส์จะกลับไปชะลอตัวเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางผู้ประกอบการต้องเร่งหาตลาดใหม่เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นประเทศอินเดีย และตะวันออกกลาง ซึ่งเราเคยทำตลาดเข้าไปแล้วเพียงแต่ขาดการทำตลาดเชิงรุกที่ต่อเนื่อง ดังนั้น ในภาคอุตสาหกรรมคงต้องมีการพูดคุยเพื่อหาทางออกในการเปิดตลาดต่างประเทศออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพราะประเทศไทยมีวัตถุดิบที่เพียงพอและราคาสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก”