นินเทนโด ปลื้มกระแสฮิต “มาริโอ” ขุดเกมดังทำคอนเทนต์ลุยตลาดโลก

mario movie
คอลัมน์​ : Market Move

หลังภาพยนตร์แอนิเมชั่นเดอะ ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ส มูฟวี่ ฮิตถล่มทลายทั้งในตลาดสหรัฐและทั่วโลก ด้วยรายได้ทั่วโลกรวม 3 สัปดาห์สูงถึง 872 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) แล้ว พร้อมสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์รายได้สูงสุดของปี 2566 ภาพยนตร์ดัดแปลงจากวิดีโอเกมที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ตั้งแต่เข้าฉายสัปดาห์แรก

และในสัปดาห์ที่ 3 ยังคงสร้างสถิติใหม่ อาทิ อยู่ในอันดับ 7 ของภาพยนตร์ที่สร้างรายได้สัปดาห์ที่ 3 สูงสุดในสหรัฐ แซงหน้า Spider-Man : No Way Home รวมถึงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่สร้างรายได้สูงสุดของสตูดิโอยูนิเวอร์แซล แซงหน้า Minions : The Rise of Gru จนนักวิเคราะห์คาดว่ามีโอกาสที่จะทำรายได้ทั่วโลกแตะระดับ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเรื่องแรกของปี 2566

ด้วยความสำเร็จแบบถล่มทลายเป็นประวัติการณ์นี้ ทำให้ นินเทนโด (Nintendo) ยักษ์เกมสัญชาติญี่ปุ่นผู้สร้างแคแร็กเตอร์และเกมซูเปอร์มาริโอ รวมถึงเกมและแคแร็กเตอร์อื่น ๆ เริ่มเคลื่อนไหวต่อยอดความสำเร็จนี้

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า นินเทนโดเตรียมนำแคแร็กเตอร์อื่น ๆ ในพอร์ตโฟลิโอออกมาสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอเช่นเดียวกัน พร้อมสลัดภาพบริษัทผู้พัฒนาเกมไปสู่โมเดลธุรกิจใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

“ชิเงรุ มิยาโมโตะ” ผู้สร้างแคแร็กเตอร์มาริโอ และผู้บริหารของนินเทนโด กล่าวว่า หลังจากนี้บริษัทจะผลิตคอนเทนต์วิดีโอออกมามากขึ้นแน่นอน เพราะปัจจุบัน นินเทนโดไม่ได้มองตัวเองเป็นผู้พัฒนาเกมแล้ว แต่เป็นบริษัทตัวแทนศิลปิน (talent agent) หรือตัวแทนแคแร็กเตอร์ต่าง ๆ ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาตลอดช่วงหลายทศวรรษ ซึ่งการต่อยอดทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้จะเป็นตัวสร้างรายได้และผลักดันการเติบโตในอนาคต

พร้อมกับการปรับมาตรการการผลิตคอนเทนต์ใหม่ โดยนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คอนเทนต์ที่สร้างจากทรัพย์สินทางปัญญาของนินเทนโด จะต้องผ่านการกำกับดูแลโดยบริษัทก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าดีพอที่จะสร้างความพอใจให้แฟน ๆ เช่นเดียวกับเดอะ ซูเปอร์ มาริโอฯ ซึ่ง “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” เข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะส่วนหนึ่งของทีมโปรดิวเซอร์

แนวทางใหม่ที่เข้มงวดนี้ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยความล้มเหลวของภาพยนตร์ซูเปอร์มาริโอ เวอร์ชั่นปี พ.ศ. 2536 ซึ่งเป็นการขายสิทธิให้ผู้สร้างต่างชาติ และผลงานที่ออกมาขาดทุนอย่างหนัก หลังทำรายได้เพียง 38.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้าง 42-48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ลงความเห็นว่า เพราะแตกต่างจากเกมมากเกินไป

โดยผู้บริหารนินเทนโด ยกตัวอย่างเคล็ดลับความสำเร็จในครั้งนี้ อาทิ การใช้บทพูด-คำบรรยายให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเน้นการทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจสถานการณ์และเนื้อเรื่องได้ด้วยการดูภาพเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ชมทั้งเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จักมาริโอมาก่อน และแฟน ๆ ของเกม สามารถสนุกกับภาพยนตร์ได้พร้อม ๆ กัน

“การอธิบายฉากหรือเหตุการณ์ด้วยคำพูดนั้นควรใช้เฉพาะเมื่อไม่มีหนทางอื่นแล้วเท่านั้น หรือก็คือ นาฏกรรม ที่ไม่ต้องพึ่งคำบรรยายใด ๆ นั้นยอดเยี่ยมที่สุด”

สไตล์การเล่าเรื่องนี้ นับเป็นเอกลักษณ์ที่นินเทนโดใช้ในวิดีโอเกมของตนมาอย่างยาวนาน เช่น เกม The Legend of Zelda ซึ่งผู้เล่นจะรับรู้รายละเอียดเกี่ยวกับโลกของเกมผ่านการดูหรือมีปฏิสัมพันธ์ มากกว่าการเล่าผ่านตัวหนังสือ

“ชิเงรุ” ยังเปิดเผยว่า บริษัทจะส่งแคแร็กเตอร์ดังตัวอื่น ๆ ขึ้นจอเงินเพิ่มอีกอย่างแน่นอน เพราะบริษัทมีแคแร็กเตอร์อีกหลายตัวที่ได้รับความนิยมสูง และเหมาะจะนำมาต่อยอดเป็นคอนเทนต์วิดีโอ

ทั้งนี้ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นินเทนโดเดินหน้าโมเดลธุรกิจตัวแทนศิลปินเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่การสร้างซูเปอร์นินเทนโดเวิลด์ (Super Nintendo World) โซนจำลองจากเกมซูเปอร์มาริโอ เวิลด์ที่สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2564 ก่อนจะไปสร้างที่ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ฮอลลีวูด สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

รวมถึงนินเทนโดยังเตรียมเปิดร้านขายสินค้าแคแร็กเตอร์สาขา 3 ในกรุงเกียวโต ช่วงเดือนตุลาคมนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ที่ต่อยอดมาจากแคแร็กเตอร์ อาทิ คาเฟ่เคอร์บี้ในโตเกียวและฟูกูโอกะ แอปนับก้าวเดินที่ใช้แคแร็กเตอร์พิกมิน โซนดองกี้คองที่จะเปิดบริการในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2567 ที่จะถึงนี้

การโฟกัสต่อยอดทรัพย์สินทางปัญญานี้ เป็นเพราะนินเทนโดเริ่มกังวลต่ออนาคตของธุรกิจเกม เพราะยอดขายเครื่องเกมนินเทนโดสวิตช์เริ่มลดลงหลังวางขายมานาน 7 ปี แม้ปัญหาวัตถุดิบจะคลี่คลายแล้วก็ตาม โดยคาดว่ายอดขายช่วง 1 ปี (สิ้นสุด มี.ค. 2566) จะอยู่ที่ 18 ล้านเครื่อง ลดลง 22% จากปีก่อนหน้า

ขณะเดียวกันนินเทนโดตั้งความหวังกับยุทธศาสตร์ใหม่นี้เอาไว้สูงมาก โดย “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” กล่าวว่า อยากปั้นให้ซูเปอร์มาริโอขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับมิกกี้เมาส์ของดิสนีย์ และความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องล่าสุดนี้ สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ฝันนั้นจะเป็นจริง

หลังจากนี้แฟนเกมของนินเทนโด คงต้องจับตาและรอลุ้นกันว่าแคแร็กเตอร์ใดจะได้ออกมาโลดแล่นบนจอเงินเป็นรายถัดไป และจะประสบความสำเร็จถล่มทลายไปทั่วโลกได้เท่ากับซูเปอร์มาริโอหรือไม่