“ซัมซุง” เปิดเกมรุกสมาร์ทโฮมระดม “แอร์-ทีวี” เขย่าตลาด

“ซัมซุง” จัดทัพรุกเครื่องใช้ไฟฟ้า เตรียมเปิดตัว “สมาร์ทติงส์ ฮับ” อุปกรณ์เชื่อมต่อแพลตฟอร์ม ประกาศชู “เครื่องปรับอากาศ-ทีวี” เป็นหัวหอก ส่งแอร์รุ่นใหม่ “วินฟรี พรีเมี่ยม พลัส” เพิ่มฟังก์ชั่นฟอกอากาศ PM 1.0 ปรับอุณภูมิอัตโนมัติด้วยระบบเอไอ สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน ระดมโปรโมชั่นตุนยอดแต่ไก่โห่ มั่นใจยอดโตสูงกว่าตลาด เตรียมขนทัพทีวี ดีไซน์-ฟังก์ชั่นใหม่ รับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก

นายเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ รองประธานธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีนโยบายจะมุ่งการทำตลาดสินค้าสมาร์ทโฮมมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและทีวีให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้ตลาดสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฮมที่จะเริ่มมีความชัดเจนขึ้น จากแรงหนุนของหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ สภาพอากาศร้อน ปัญหา ฝุ่น PM 2.5 มหกรรมกีฬาระดับโลกทั้งโอลิมปิกและฟุตบอลยูโร รวมถึงการเริ่มใช้เครือข่าย 5G มาช่วยกระตุ้นการตัดสินใจ และการมีดีมานด์ใหม่ ๆ เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นสุขภาพ, สมาร์ทโฮม และความครบครันแบบออลอินวันโซลูชั่นตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ตื่นตัวเรื่องสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว และการมีกิจกรรมหลากหลายในบ้าน การจัดงานเลี้ยงกับเพื่อนฝูง-ญาติ เป็นต้น

โดยในช่วงไตรมาสแรกนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัว “สมาร์ทติงส์ ฮับ” (Smarthings Hub) อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อแพลตฟอร์มและอุปกรณ์สมาร์ทโฮมของซัมซุงเข้ากับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมของแบรนด์อื่น ๆ และรวมถึงชุดเซ็นเซอร์สำหรับทำโฮมออโตเมชั่น เช่นเดียวกับตู้เย็น รุ่นแฟมิลี่ฮับ ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ โดยช่วงแรกจะเน้นทำตลาดในเซ็กเมนต์ลูกค้าพาณิชย์ก่อนเนื่องจากมีดีมานด์จากผู้พัฒนาอสังหาฯหลายรายที่ต้องการใช้สมาร์ทโฮมเป็นจุดขายของงานโครงการ ส่วนฝั่งผู้บริโภคทั่วไปนั้นยังต้องอาศัยเวลาสร้างการรับรู้และความเข้าใจ โดยขณะนี้ได้เริ่มประสานกับเชนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่หลายรายเพื่อปรับพื้นที่และเทคนิคการขายของพนักงาน คาดว่าจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้เร็ว ๆ นี้

“เช่นเดียวกับตลาดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะโตประมาณ 9.5% เป็น 2.7 หมื่นล้านบาท จากมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาทในปีก่อน ด้วยปัจจัยบวกหลายด้าน อาทิ ปัญหาฝุ่น PM 2.5, การแข่งขันของแบรนด์ต่าง ๆ และสภาพอากาศที่น่าจะยังร้อนต่อเนื่อง และการแข่งขันที่ยังน่าจะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากปีที่แล้วตลาดเติบโตถึง 36% สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ทุกแบรนด์มีแรงกดดันในการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ทุกค่ายจึงต้องทำการตลาดอย่างหนักทั้งตัวสินค้า การสื่อสาร โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม” นายเฉลิมพงษ์กล่าวและว่า เพื่อรับมือการแข่งขันที่คาดว่าจะมีความหนักหน่วงมากขึ้น บริษัทจึงได้ปรับรูปแบบและกลยุทธ์การทำตลาดเครื่องปรับอากาศทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่แมสถึงไฮเอนด์เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยปีนี้จะมีรุ่น “วินฟรี พรีเมี่ยม พลัส” เป็นเรือธง นอกจากดีไซน์ใหม่แล้วยังมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค-ช่าง อาทิ ระบบฟอกอากาศ PM 1.0, ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติด้วยเอไอ, สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน และย้ำความเชื่อมั่นด้วยการเพิ่มเวลารับประกันคอยล์ร้อนเย็นเป็น 3 ปี การติดตั้งง่าย เพื่อรองรับดีมานด์ช่วงหน้าร้อนที่มักสูงจนช่างขาดแคลน โดยตั้งเป้าเติบโตสูงกว่าตลาดหรือมากกว่า 9.5% และเพิ่มสัดส่วนลูกค้าพรีเมี่ยมในพอร์ตโฟลิโอจาก 20% เป็น 25% พร้อมขยับจากกลุ่มท็อป 3 เป็นท็อป 2 ในอีก 3 ปี

พร้อมกันนี้ จากความตื่นตัวในเรื่องของฝุ่นพิษและตลาดมีดีมานด์สููง บริษัทจะให้ความสำคัญในการทำตลาดเครื่องฟอกอากาศควบคู่กันไปด้วยการจัดครอสโปรโมชั่นระหว่าง 2 กลุ่ม เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น พร้อมเพิ่มความเข้มข้นของการสื่อสารไปยังช่างแอร์ซึ่งถือเป็นอินฟลูเอนเซอร์หลักในพื้นที่ต่างจังหวัด ผ่านทางไลน์ สมาคม-ชมรมต่าง ๆ และการจัดเวิร์กช็อปควบคู่กับการทำโปรโมชั่นด้วยการลดราคาสูงสุด 30% ทั้งแอร์และเครื่องฟอกอากาศ ตั้งแต่ 11 มกราคมที่ผ่านมา-29 กุมภาพันธ์ เป็นต้น

“ส่วนกลุ่มทีวีนั้นนอกจากคุณภาพและฟังก์ชั่นสมาร์ทซึ่งเป็นจุดขายเดิมแล้ว ปีนี้จะเพิ่มจุดขายด้านไลฟ์สไตล์ด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นใหม่ ๆ เสริมเข้าไปอีก โดยมีแผนจะเปิดตัวหลังจากนี้เพื่อทำตลาดช่วงมหกรรมกีฬาโอลิมปิกซึ่งเป็นหน้าขายสำคัญ โดยจะใช้งบประมาณด้านการตลาดใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ปีนี้จะหันโฟกัสสร้างการรับรู้สินค้าสมาร์ทโฮมเป็นพิเศษตามแนวทางของบริษัทแม่ โดยสื่อสารผ่านทุกช่องทางแบบครบวงจร โฟกัสเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมที่เป็นลูกค้าหลัก” นายเฉลิมพงษ์กล่าว