ปลุกตำนาน “ชาตรามือ” ปรากฏการณ์ปัง นั่งกลางใจคุณ

กระแสความแรงของเครื่องดื่ม “ชากุหลาบ” ที่ฮิตต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี นอกจากจะสร้างปรากฏการณ์ที่ใครต่อใครชวนกันไปท้าพิสูจน์รสชาติและสรรพคุณการระบาย จนทำให้แถวหน้าร้านยาวเหยียด สินค้าใหม่สุดปังนี้ยังช่วยปลุกแบรนด์ระดับตำนานอย่าง “ชาตรามือ” ที่อยู่ในตลาดมานานหลายสิบปี ให้กลับมาอยู่ในความสนใจของผู้บริโภคอีกครั้ง

กับการตอบรับล้นหลามเกินความคาดหมาย “พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โรงงานใบชาสยาม จำกัด ผู้ผลิต-จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชาปรุงสำเร็จ “ชาตรามือ” ทายาทรุ่นที่ 3 ของธุรกิจชาที่สร้างรากฐานจนเติบโตมาร่วม 70 ปี บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นอกจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชาปรุงสำเร็จให้กับลูกค้าต่าง ๆ แล้วนั้น การขายเครื่องดื่มผ่านหน้าร้าน “ชาตรามือ” ที่พัฒนาขึ้นมาในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสื่อสารสร้างแบรนด์ ทำให้สินค้าของ “ชาตรามือ” เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งในหมู่ผู้ดื่มและผู้ชง

ปรากฏการณ์ “ชากุหลาบ”

ซึ่งนอกจากหน้าร้านจะเป็นช่องทางทำความรู้จักผู้บริโภคโดยตรง ยังเป็นช่องทางแนะนำสินค้าใหม่ ทดลองเสียงตอบรับของตลาดด้วย

เฉกเช่นเดียวกับการส่ง “ชากุหลาบ” มาสร้างปรากฏการณ์ “ว้าววว” ให้กับตลาด ที่เป็นสินค้าซีซันนอลในช่วงเทศกาลแห่งความรักเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดยช่วงแรกได้พยายามสื่อสารผ่านสื่อหน้าร้าน พนักงาน รวมทั้งโซเชียลมีเดีย เพื่อบอกผู้บริโภคเกี่ยวกับสรรพคุณที่ช่วยเรื่องการขับถ่ายเพื่อไม่ให้กังวล แต่กลับกลายเป็นว่าหลายคนพากันแชร์ในโลกโซเชียลถึงผลลัพธ์หลังลองดื่ม พร้อมกับการรีวิวบอกต่อในกลุ่มเพื่อน ๆ

“จริง ๆ แล้วมีเคล็ดลับการดื่มอยู่ว่า ต้องค่อย ๆ จิบ ไม่ดื่มช่วงท้องว่าง ก็จะพอลดหรือชะลอฤทธิ์การระบายได้บ้าง”

เดินหน้าเพิ่มสาขาใหม่

จากฟีดแบ็กที่ดี ตอนนี้ชากุหลาบได้กลายเป็นสินค้าประจำของชาตรามือไปแล้ว และแน่นอนว่าต่อจากนี้จะได้เห็นนวัตกรรมสินค้าใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ทั้งประเภทชาที่หลากหลายยิ่งขึ้น รวมทั้งการต่อยอดนำผลิตภัณฑ์ชามาทำเป็นเมนูอื่น ๆ ที่มากกว่าแค่เครื่องดื่มเพื่อแนะนำไอเดียให้กับลูกค้าที่ต้องการนำไปทำบ้าง เช่นเดียวกับที่ช่วงกลางปีก่อนได้เริ่มเพิ่มเมนูไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟมาขายในร้านบางสาขา เป็นอีกทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอด

สำหรับหน้าร้านทั้งรูปแบบซุ้มขายเครื่องดื่ม หรือแบบมีที่นั่งก็มีพัฒนาการเรื่อยมา ขยับขยายสู่ทำเลใหม่ ๆ มากขึ้นจากที่เคยอยู่แต่ในห้าง เช่น สาขาบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมทั้งการขยายสาขาในต่างจังหวัดทั้งภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก มากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งกว่า 60 สาขา ล้วนแต่เป็นการลงทุนของบริษัทเองทั้งหมด

ขายความคลาสสิก “แบรนด์”

ทั้งนี้ เมื่อมีสินค้าและทำเลที่หลากหลายขึ้น พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย ประกอบกับมีสื่อออนไลน์เข้ามาช่วยสื่อสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดในงบประมาณที่ไม่สูง ก็ช่วยรีเฟรชแบรนด์ให้ทันสมัย โดยที่ยังคงความคลาสสิกไว้ดังเดิม ทำให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนวัย 20 ปีต้น ๆ ขึ้นไป

“แบรนด์ไม่ได้เป็นแค่โลโก้ แต่เป็นเรื่องความเชื่อมั่นและความพอใจในตัวสินค้า พอคนเชื่อมั่นในแบรนด์ก็จะกลับมาเป็นลูกค้าเราอีก”

ไม่ใช่แค่เพียงการเติบโตในไทย ตอนนี้ร้านแฟรนไชส์ชาตรามือ เริ่มออกไปอวดโฉมแล้วในแถบอาเซียน อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน รับกับพฤติกรรมการบริโภคชากาแฟในเพื่อนบ้านที่นิยมในรสชาติที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

ตำนาน 70 ปีรุ่นสู่รุ่น

“เราเป็นธุรกิจครอบครัวที่ส่งต่อกันมา 70 ปี ความท้าทายที่ต่างจากรุ่นที่ผ่าน ๆ มา คือการสื่อสารทุกวันนี้ทำได้รวดเร็ว การแข่งขันก็สูงขึ้น เพราะว่าทำอะไรก็ง่ายขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนเร็วขึ้น ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณพ่อ (ดิฐพงศ์ เรืองฤทธิเดช) ก็ให้หลักการทำงานว่า ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า และแทนที่จะคิดว่า เราต้องการอะไร ให้คิดในมุมที่ว่า เราจะให้อะไรกับลูกค้ามากกว่า”

ซึ่งการพาแบรนด์ไปอยู่กลางใจลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ คือเป้าหมายสำคัญของ “ชาตรามือ” ในเวลานี้