“ซิงเกอร์” เสริมทัพอีคอมเมิร์ซเจาะคนรุ่นใหม่

“ซิงเกอร์” เชื่อแนวโน้มดีมานด์ฐานรากยังดี ทุ่ม 50 ล้านเสริมเขี้ยวการตลาด ดึง “โน้ส-อุดม แต้พานิช” นั่งแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ คนแรกในรอบ 132 ปี ก่อนระดมกลยุทธ์ O2O ทั้งไลน์ออฟฟิเชียล แอปพลิเคชั่น พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเท่าตัวแตะ 4,000 สาขา ลั่นปีนี้ต้องเจาะถึงทุกอำเภอทั่วไทย

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและบริการให้สินเชื่อเงินผ่อน “ซิงเกอร์” กล่าวว่า ปัจจุบันขนาดธุรกิจของบริษัทขยายใหญ่ขึ้นมาก ทั้งเครือข่ายพนักงานขายและฐานลูกค้า-ลูกหนี้ โดยปัจจุบันมีพอร์ตลูกหนี้เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2558 เป็นประมาณ 6 พันล้านบาท และมีสาขามากกว่า 2 พันสาขา แบ่งเป็นบริษัทบริหารเอง 187 สาขา แฟรนไชส์ 2,000 สาขา และพนักงานขาย 4,000 คน ครอบคลุมกว่า 700 อำเภอของไทย เป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรวจสอบ-อนุมัติสินเชื่อให้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

สำหรับในปี 2564 นี้ บริษัทยังวางเป้าเติบโตต่อเนื่องทั้งการเพิ่มพอร์ตลูกหนี้เป็น 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อทะเบียนรถ 65% สินค้าเงินผ่อน 35% และขยายสาขาแฟรนไชส์เป็น 4,000 สาขา เช่นเดียวกับพนักงานซึ่งจะเพิ่มเป็น 5,000-6,000 คน เพื่อให้ครอบคลุมทุกอำเภอ รวมถึงทยอยรีโนเวตร้านสาขาเดิมให้ทันสมัยขึ้น

ขณะเดียวกันก็จะโฟกัสไปที่ดีมานด์ของผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ร้านชำ-ร้านโชห่วย ที่ยังมีต่อเนื่อง ด้วยอานิสงส์จากนโยบายสนับสนุนของรัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง, เที่ยวด้วยกัน, เราชนะ ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่กิจการท้องถิ่น และสร้างดีมานด์สินค้าเชิงพาณิชย์ อาทิ ตู้แช่ เป็นต้น
“ช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ฐานลูกค้าเรายังขยายต่อเนื่อง สะท้อนว่ายังมีความต้องการสินค้า เพียงแต่ต้องเสนอแพ็กเกจเงินผ่อนที่ตรงจุด”

อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดที่ใหญ่และมีอายุยาวนาน ทำให้การจะขยายธุรกิจหลังจากนี้ไปต้องพึ่งพาการทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ และอัพเกรดภาพลักษณ์แบรนด์กับผู้บริโภคในวงกว้าง ทั้งเพื่อชักชวนมาเป็นลูกค้าและพนักงานขาย รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายบนออนไลน์ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่

“แบรนด์เราอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว อาจทำให้มีภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะกับการดึงดูดผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ซึ่งไม่สอดคล้องกับการขยายตัวของพนักงานขายและฐานลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ทุ่มงบฯการตลาด 50 ล้านบาท ดึง “โน้ส-อุดม แต้พานิช” มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพื่ออาศัยภาพลักษณ์ความสุข สนุกสนานสะท้อน-สื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกไปยังฐานแฟนคลับและกลุ่มคนรุ่นใหม่”

นายกิตติพงศ์กล่าวว่า จากนี้ไปก็จะมีแคมเปญการตลาดรูปแบบต่าง ๆ ทยอยตามออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากภาพยนตร์โฆษณา ในแนวคิด “ผ่อนหนักเป็นเบา ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ซึ่งเน้นย้ำจุดแข็งของโมเดลการขายสินค้าเงินผ่อนแบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิตของบริษัท เริ่มแพร่ภาพทางยูทูบและเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ต่อเนื่องด้วยการติดตั้งป้ายโฆษณาและสแตนดี้ในร้านสาขาทั้ง 187 สาขา เพื่อสร้างการรับรู้ นอกจากนี้ยังมีความร่วมมืออื่น ๆ เช่น การเข้าเป็นสปอนเซอร์งานเดี่ยวไมโครโฟน ครั้งที่ 13 ที่จะมีในช่วง 13-22 สิงหาคม 2564 เป็นต้น ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ระหว่างการวางแผนให้เข้ากับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

ด้านแผนการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์นั้น กรรมการผู้จัดการใหญ่ของซิงเกอร์อธิบายว่า จะใช้ความสะดวกของช่องทางออนไลน์มาหนุนการจำหน่ายสินค้าที่ซื้อง่ายขายคล่องอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก ขณะที่ฝั่งพนักงานขายจะเน้นผลักดันกลุ่มสินค้าสร้างรายได้ หรือต้องมีการติดตั้ง เช่น แอร์ ตู้แช่ ตู้น้ำมัน-ซักผ้าหยอดเหรียญ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ยังเตรียมเปิดตัวไลน์ออฟฟิเชียลแอ็กเคานต์ “ซิงเกอร์ คอนเนกส์” เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาเลือกชมและสั่งซื้อสินค้า พร้อมเลือกการชำระเงินได้ทุกรูปแบบตั้งแต่เงินสด บัตรเครดิต ไปจนถึงผ่อนด้วยบัตรประชาชน เสริมกับการจำหน่ายสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่น Singer Home ที่ใช้อยู่เดิม นอกจากนี้มีแผนเพิ่มฟังก์ชั่นการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือบนแอปซิงเกอร์ ไดเรกต์ ซึ่งเป็นแอปสำหรับให้พนักงานขายค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงเช็กข้อมูลเครดิตของลูกค้า ทั้งเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการขายสินค้าและขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น จากแนวทางดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายสินค้าแบรนด์ซิงเกอร์ในปีนี้ได้อย่างน้อย 25%