คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์
เกิดการตั้งคำถามว่า…ผ่านมา 1 เดือนเศษ นับจากวันที่ (22 สิงหาคม 2566) คุณเศรษฐา ทวีสิน ได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
ทำไมดัชนีหุ้นไทย ถึงไม่ขยับขึ้นแถมทรุดตัวลง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็มั่นใจว่า ถ้าเลือกนายกฯได้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดัง ประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 ลุ้นซื้อไอโฟน-เครื่องใช้ไฟฟ้า “จุลพันธ์” นัดถกหาข้อสรุป
หนึ่งในนั้นก็คือ “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ที่ตั้งคำถาม พร้อมอธิบายคำตอบว่า
ประเด็นคือนักลงทุนยัง “ไม่เชื่อมั่น” ต่อนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าหลาย ๆ นโยบายที่ประกาศออกมาจะทำได้จริง ในขณะที่งบประมาณมีจำกัด
นอกจากนี้อีกหลายท่านก็ออกมาให้มุมมองว่า ทั้งนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ให้กับประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนเป็นมูลค่าสูงถึง 5.6 แสนล้านบาท
นโยบายลดค่าไฟ ลดราคาพลังงาน พักหนี้เกษตรกร พักหนี้เอสเอ็มอี
เป็นนโยบาย QUICK WIN ในการลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้ ด้วยการแจกเงิน-พักหนี้ เน้นไปที่กระตุ้นการบริโภค เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกประเมินว่า “ยิงไม่ถูกเป้า”
ชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้อ่อนแอกว่าคาดมาก โดยเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 1.8% ชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาส 1/2566
แต่ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา จากสภาพัฒน์และแบงก์ชาติ ก็ชัดเจนว่าดัชนีการบริโภคมีการเติบโตกว่า 7% ไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่มีปัญหาคือภาคส่งออก การลงทุนทั้งของภาครัฐและเอกชน
ขณะที่ยังไม่เห็นภาพชัดของการปฏิรูปอุตสาหกรรมของประเทศอย่างไร เพื่อที่จะสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ มาทดแทนอุตสาหกรรมเดิมที่กำลังหมดบุญเก่า…
อย่างไรก็ดี นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันทีอย่างแน่นอน เพราะเป็นยาแรงฉีดเงินเข้าระบบถึง 5.6 แสนล้านบาท หรือเท่ากับ 3% ของ GDP ภายใน 6 เดือน
แต่ที่นักลงทุนเป็นห่วงคือ อาจทำให้รัฐบาลต้องจำกัดงบประมาณลงทุนด้านอื่นที่มีความจำเป็นกว่า เพื่อมากระตุ้นการบริโภค และกังวลว่าอาจสร้างแรงกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น แล้วก็หมดแรงไป เพราะไม่ได้เป็นนโยบายที่ทำให้เกิดการลงทุนในระยะยาว
ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจหลายฝ่าย ก็ออกมายอมรับว่าคงไม่ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตอะไรมากมาย แต่ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการระบายสต๊อกสินค้ามากกว่า
ซีอีโอ บล.ทิสโก้ระบุว่า ถ้าตลาดทุนเชื่อมั่นเมื่อไหร่ว่านายกฯเศรษฐา สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยกลับไปโตระดับ 4-5% ต่อปีได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสู้กับมาเลเซียและอินโดนีเซียได้ หุ้นพร้อมจะวิ่งทันที เพราะตลาดหุ้นเป็นการซื้ออนาคต
“เพียงแต่วันนี้การสร้างความมั่นใจไม่ง่าย แต่ก็ต้องเริ่มทำ”
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าปีหน้าดัชนีตลาดหุ้นขึ้นแน่ ๆ เพราะจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลตกว่า 5.6 แสนล้านบาท เป็นการฉีดเงินเข้าระบบสูงมาก
“เพียงแต่กลัวว่าพอหมดสตอรี่หุ้นลงมาเหมือนเดิม” ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างสตอรี่ระยะยาวต่อยอดให้เกิดขึ้นด้วย ซึ่งหากทำได้จะทำให้การขึ้นของหุ้นมีความยั่งยืน
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่านโยบาย QUICK WIN แบบทุ่มหมดหน้าตักของนายกฯเศรษฐา จะทำให้เศรษฐกิจโตเด้งขึ้นมาได้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายก็กังวลว่า เศรษฐกิจจะร่วงลงมาเมื่อยาหมดฤทธิ์
ในขณะที่กระสุน เม็ดเงินที่จะมาใช้ทำนโยบายต่าง ๆ ก็มีอย่างจำกัด
ความกังวลคือรัฐบาลมุ่งเน้นนโยบายการ “ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้” ประชาชน โดยอาจจะไม่ได้ดูผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
แบบช่วยให้ชีวิตดีขึ้นแบบทันทีแต่ไม่ยั่งยืน
- เศรษฐา กดปุ่มระฆังซื้อขายตลาดหุ้นนิวยอร์ก เปิดศักราชใหม่ธุรกิจไทย-สหรัฐ
- “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” แนะรัฐใช้ตลาดทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- เลขาธิการ ก.ล.ต. คนใหม่ ลุยงานทันทีประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
- เศรษฐา มอบนโยบายข้าราชการคลัง ต้องซัพพอร์ตนโยบายรัฐบาลทุกเรื่อง