ป่วย สาย ลา แต่เงินเดือนขึ้นทุกปี

office
คอลัมน์ : SD Talk
ผู้เขียน : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
https://tamrongsakk.blogspot.com

ก่อนจะมีการพิจารณาขึ้นเงินเดือน หรือจ่ายโบนัสประจำปี องค์กรส่วนใหญ่ต้องให้หัวหน้าแต่ละหน่วยงานประเมินผลการทำงานของลูกน้องเสียก่อนว่าใครทำงานแล้วมีผลงานเป็นยังไงกันบ้าง

เครื่องไม้เครื่องมือ และวิธีการประเมินก็จะแตกต่างกันไป เช่น บางแห่งยังใช้การประเมินผลงานแบบจิตสัมผัส (rating scale) บางแห่งใช้ BSC (balanced scorecard) หรือบางแห่งมีตัววัดผลสำเร็จในงานที่สำคัญที่เรียกกว่า KPIs (key performance indicators) ในแนวทางของ MBO (management by objectives) แบบที่ไม่ใช่ BSC ก็มี ฯลฯ

พูดโดยรวม ๆ คือการนำผลการประเมินการทำงาน (ที่ในที่สุดก็จะแบ่งเป็น 4 ถึง 5 เกรด คือ A B C D E หรือ 5 4 3 2 1) มาเชื่อมโยงเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาระบบรางวัล (rewards) คือการขึ้นเงินเดือนประจำปีและจ่ายโบนัสให้กับพนักงานนั่นแหละครับ

และเปอร์เซ็นต์ (หรือเม็ดเงิน) ในการขึ้นเงินเดือนประจำปีก็จะแปรไปตามผลงานหรือเรียกว่า P4P (pay for performance) โดยหลักคิดคือพนักงานที่มีผลการทำงานที่ดี (ได้เกรด A หรือ B) ต้องได้ขึ้นเงินเดือน หรือได้โบนัสสูงกว่าพนักงานที่ถูกประเมินในเกรด C D

หรือใครที่ถูกประเมินเกรด E ก็อาจจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนหรือโบนัสเพราะผลการทำงานย่ำแย่สุด ๆ

แต่จะมีปัจจัยอีกตัวหนึ่งที่หลายองค์กรมักจะใส่เอาไว้เป็นปัจจัยร่วมในการพิจารณาขึ้นเงินเดือน และจ่ายโบนัสเอาไว้ด้วย ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผลงานโดยตรง ก็ปัจจัยเกี่ยวกับการมาทำงานคือ ป่วย สาย ลา ขาดงาน ไงครับ

ถ้าใครป่วย สาย ลา ขาดงาน เกินที่องค์กรกำหนดไว้จะมีผลกับการขึ้นเงินเดือนหรือได้รับโบนัสที่ลดลง

จึงเกิดมีคำถามดราม่าอยู่บ่อยครั้งว่า…คนที่มาทำงานสาย (บางคน) ยังทำงานมีผลงานดีกว่าคนที่มาทำงานตรงเวลาตั้งหลายคน ทำไมถึงไม่มองเรื่องผลงานเป็นหลัก

ตรงนี้ผมก็เลยมีความเห็นส่วนตัวที่จะแชร์แบบนี้ครับ

1.จริงอยู่ที่การป่วย ลา มาสาย ขาดงาน มากเกินที่กำหนดอาจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลการทำงานโดยตรง แต่คือ “วินัย” ในการทำงาน ที่พนักงานควรจะต้องมีร่วมกันครับ

2.พนักงานที่ทำงานดีมีผลงานดีเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่ผลงานที่ดีเป็นคนละเรื่องกับวินัยในการมาทำงาน จึงไม่ควรนำผลงานดีมาเป็นข้ออ้างให้มาทำงานสาย หรือขาดงานได้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรไม่ใช่หรือครับ เพราะถ้าอ้างตรรกะแบบนี้เท่ากับว่าใครที่มีผลงานดีจะมีอภิสิทธิ์ในการมาทำงานสายหรือขาดงานได้ และถ้าตรรกะแบบนี้ถูกนำมาอ้าง และใช้ในองค์กรก็คงจะวุ่นวายกันดีพิลึก

3.การที่พนักงานคนใดป่วย ลา มาสาย ขาดงาน จะมีผลกระทบกับงาน เพื่อนร่วมงาน และหน่วยงาน ซึ่งต้องหาคนมาทำแทนหรือแก้ปัญหาในวันนั้น ๆ ยิ่งพนักงานบางคนที่ป่วย (การเมือง) ลา (แบบไม่สมเหตุสมผล) มาสาย (บ่อย) ขาดงาน (โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร) ที่ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อไปเป็นประจำ แต่บริษัทไม่มีการให้คุณให้โทษที่เหมาะสม (carrot & stick) สำหรับคนที่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานอย่างนี้ก็จะทำให้คนที่มีวินัยและทำงานดีมีปัญหาตามไปด้วย

4.ส่วนที่บอกว่าแล้วคนที่มาทำงานตรงตามเวลา แต่ไม่เห็นจะมีผลงานอะไรเลย ก็เป็นไปตามข้อ 1 ข้างต้นแหละครับ คือเรื่องวินัยในการมาทำงานมันเป็นคนละเรื่องกับผลงาน

อธิบายได้ว่าถ้าพนักงานคนไหนที่ทำงานตามเวลาที่บริษัทกำหนดจะไม่ถูกตัดแต้มในปัจจัยนี้ ส่วนผลงานที่ไม่ดีจะไปถูกตัดแต้มลดทอนลง ซึ่งจะทำให้ได้รับการขึ้นเงินเดือนและโบนัสลดลง ส่วนพนักงานที่ป่วย สาย ลา ขาดงาน เกินที่กำหนดก็จะถูกตัดแต้มในปัจจัยนี้ ส่วนผลงานที่ทำได้ดีจะไปมีผลให้ได้รับการขึ้นเงินเดือน และโบนัสที่ดีตามหลักเกณฑ์ของบริษัท

ถ้าคิดวิเคราะห์แยกส่วนให้ชัดแบบนี้ก็แฟร์ดีไม่ใช่หรือครับ ?

ส่วนการถ่วงน้ำหนักของแต่ละบริษัทว่าจะให้น้ำหนักของป่วย สาย ลา ขาดงาน มีมากหรือน้อยเท่าไหร่ เพื่อให้มีผลกับการขึ้นเงินเดือน และจ่ายโบนัสขึ้นอยู่กับนโยบายของฝ่ายบริหารของแต่ละแห่งว่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากหรือน้อยแค่ไหน

ถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าจะเห็นภาพทั้งสองปัจจัยคือผลงาน+วินัยในการทำงาน ที่นำมาเชื่อมโยงกับการให้คุณให้โทษตรงกันแล้วนะครับ