คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
เพิ่งได้คุยกับคุณตัน ภาสกรนที เมื่อวันก่อน
เขาเพิ่งลงเครื่องบินที่เชียงใหม่ พอลงปั๊บ ลูกน้องบอกว่าให้ใส่ “หน้ากาก” ด้วย เพราะวันนั้นเชียงใหม่ติดอันดับ 1 เมืองที่มี PM 2.5 มากที่สุดในโลก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ตอนหลังคุณตันไปเชียงใหม่บ่อย เพราะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่นี่หลายแห่ง
รู้ฤทธิ์เดชของ PM 2.5 ดีมาก
ช่วงเย็นเขาไปกินข้าวกับข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง และคุยกันเรื่องเจ้าฝุ่นพิษ
ข้าราชการคนนั้นเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ดาวเทียมสามารถจับจุดความร้อน หรือ “ฮอตสปอต” ได้ทุกพื้นที่
ที่ไหนมีการเผาป่าหรือไฟป่าจะรู้ได้ทันที
และมีสถิติด้วยว่า ปีที่แล้ววันนี้มีจุดความร้อนเกิดขึ้นกี่จุดที่จังหวัดนี้
ละเอียดถึงระดับหมู่บ้านเลย
คุณตันฟัง-ฟัง-ฟัง แล้วก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา
เขามองว่าการแก้ปัญหานั้นน่าจะทำทั้ง 2 ทาง คือ การลงโทษและการให้รางวัล
การจับกุมหรือลงโทษทางกฎหมายก็ต้องมี เพื่อให้คนเกรงกลัวไม่กล้าเผา
แต่การให้รางวัลแก่คนที่ทำดี ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจ หรือ “พลังทางบวก” ทางหนึ่งที่น่าจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเผาป่าได้เช่นกัน
ตอนนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่มีการให้รางวัล 10,000 บาท สำหรับคนที่แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ก็ถือเป็นการใช้ “แรงจูงใจ” แบบหนึ่ง
ใช้ “บวก” จัดการ “ลบ”
แต่คุณตันคิดแบบภาคเอกชนที่คล่องตัวกว่า
เขาคิดโจทย์ง่าย ๆ ว่า ถ้าทุกหมู่บ้านช่วยกันดูแลพื้นที่ของตัวเอง รณรงค์ไม่ให้คนเผาป่า
หรือเจอไฟป่าที่ไหนก็ช่วยกันดับไฟ
ปัญหาเรื่องฝุ่นพิษที่เกิดจากในจังหวัดเชียงใหม่ก็น่าจะลดลงบ้าง
แม้มีคนบอกว่าท้องฟ้าไม่มีเส้นแบ่งจังหวัด
ถ้ามีคนเผาป่าที่จังหวัดอื่น หรือประเทศอื่น ลมพัดเข้ามา เชียงใหม่ก็เจอฝุ่นพิษเหมือนกัน
แต่คุณตันคิดว่า อะไรที่ควบคุมไม่ได้ เราแก้ไขไม่ได้ก็ช่างมัน
ทำในสิ่งที่เราทำได้ก่อน
เขาจึงคิดแคมเปญเพิ่มแรงจูงใจให้คนควบคุมการเผาป่า หรือช่วยดับไฟป่าขึ้นมา
หมู่บ้านไหนดูแลพื้นที่จนสามารถลดจุดเผาไหม้ลงได้ 80% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
รับ “คำขอบคุณ” เป็น “เงินสด” ไปเลย 100,000 บาท
เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม-30 เมษายน
เขาเริ่มต้นที่ 2 อำเภอก่อน คือ อำเภอแม่ริม และหางดง รวมทั้งหมด 69 หมู่บ้าน
ถือเป็นโครงการนำร่องก่อนในปีนี้
เพราะระยะเวลาเตรียมการน้อยมาก
พอคิดได้ก็ประสานกับทางจังหวัด และชวนผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านมาร่วมโครงการนี้ด้วยกัน
ถ้ามองเป็นเกมก็ถือว่าเป็น “เกมทางบวก” ที่ดีมาก
กติกาง่าย ๆ คือ ทุกหมู่บ้านแข่งกันดับไฟ ใครดับได้ถึง 80% ก็รับรางวัลเงินแสนไปเลย
เป็นการแข่งกับตัวเอง
คือแข่งกับสถิติเก่าเมื่อปีที่แล้วของตัวเอง
การเลือกระดับหมู่บ้านนั้นดีตรงที่พื้นที่ไม่กว้างนัก คนรู้จักกันหมด บอกให้ช่วยกันได้ง่าย
เพราะทุกคนก็รักหมู่บ้านตัวเอง ไม่อยากให้มีใครสร้างฝุ่นพิษในพื้นที่อยู่แล้ว
ส่วนเงินรางวัล 1 แสนบาทก็เป็น “แรงจูงใจ” ที่เหมาะสม เพราะสามารถเอาไปพัฒนาหมู่บ้านได้เลย
นึกเล่น ๆ ว่าถ้าเกมนี้ได้ผล สามารถลด “จุดเผาไหม้” ได้ถึง 80% ในปีนี้
ปีหน้าก็สามารถขยายผลไปทั้งจังหวัดได้
แต่คุณตันคนเดียวคงจะไม่ไหว
เพราะเชียงใหม่มีทั้งหมด 25 อำเภอ 2,066 หมู่บ้าน
หมู่บ้านละแสน ก็ 206 ล้านบาท
โครงการนี้ถือเป็น “ต้นแบบ” ของ “พลังทางบวก” จะได้ผลหรือไม่ได้ผล สิ้นเดือนเมษายนก็รู้
ถ้าได้ผลก็น่านำไปพัฒนาต่อ
เพราะจริง ๆ แล้วเรื่อง PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่มากของ “เชียงใหม่” ที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว
แต่ “เชียงใหม่” มีชื่อติดอันดับ 1 ของเมืองที่มี PM 2.5 สูงสุดในโลก ในบางวัน
นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวก็ต้องคิดมากหน่อย
ฤดูท่องเที่ยวของเชียงใหม่ คือ ช่วงฤดูหนาว ปีใหม่ และสงกรานต์
ถ้าปล่อยให้ปัญหา PM 2.5 กลายเป็นปัญหาประจำฤดูกาล
มันจะทำลายการท่องเที่ยวของเชียงใหม่พังยับเยิน