ครม. รับทราบเงินรวมภาครัฐ ปี 2565 สัดส่วนรายได้เพิ่มสูงกว่ารายจ่าย

นายอนุชา บูรพชัยศรี

ครม.รับทราบรายได้ประเทศ 2566 สัดส่วนรายได้สูงกว่ารายจ่าย ส่งสัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น 

วันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้ว งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 8,424 หน่วยงาน จากทั้งหมดจำนวน 8,443  หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ 99.97 สรุปได้ ดังนี้

1.รายงานการเงินรวมภาครัฐ สินทรัพย์ 34.20 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.96 ส่วนใหญ่เป็นที่ดินราชพัสดุ รองลงมาเป็นเงินลงทุน ระยะยาวและสินทรัพย์ของสถาบันการเงินของรัฐ หนี้สิน 26.87 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.73 เนื่องจากมีการกู้เงินเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

สังคมและการชดเชยรายได้ของประชาชนตามแผนงาน หรือโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19  พ.ศ. 2563 และ พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในส่วนของรายได้ 8.79 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.61

เนื่องจากมีรายได้แผ่นดินเพิ่มขึ้น เช่น การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าใช้จ่าย 8.97 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.98 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ต้นทุนการขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น

2.รายงานการเงินรวมของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ (ไม่รวมรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) สินทรัพย์ 16.75 ล้านล้านบาท ลดลง ร้อยละ 1.20 ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ที่มีจำนวนลดลง จากการใช้งานในรูปแบบของค่าเสื่อมราคาอาคารและอุปกรณ์ของหน่วยงาน

หนี้สิน 12.25 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.02 เนื่องจากมีการกู้เงินเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และการชดเชยรายได้ของประชาชนตามแผนงาน หรือโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19 พ.ศ. 2563 และ พ.ร.ก กู้เงินโควิด-19 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564

ในส่วนของรายได้ 3.45 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.32 เนื่องจากรายได้ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ลดลง

ค่าใช้จ่าย 4.21 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.49 เนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการอุดหนุนอื่นและการบริจาค และค่าใช้จ่ายอื่น เช่น สวัสดิการสังคมและเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย

3.รายงานการเงินรวมของรัฐวิสาหกิจ สินทรัพย์ 18.42 ล้านล้านบาท เพิ่มร้อยละ 5.08 เนื่องจากสินทรัพย์ของสถาบันการเงินของรัฐเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นของ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน หนี้สิน 15.13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.79 เนื่องจากหนี้สินของสถาบันการเงินของรัฐเพิ่มขึ้น

โดยส่วนใหญ่เป็นของ ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารออมสิน ในส่วนของรายได้ 5.11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.41 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจมีผลประกอบการดีขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่าย 4.73 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.98 เนื่องจากรัฐวิสาหกิจมีผลประกอบการดีขึ้น จากการขายสินค้าและการให้บริการที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น

4.รายงานการเงินรวมของ อปท. สินทรัพย์ 1.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.18 ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ และสินทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน หนี้สิน 0.11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.41 ส่วนใหญ่เป็นภาระหนี้สินของ กทม. จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวและเงินรับฝากระยะสั้น

ในส่วนของรายได้ 0.82 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.89 เนื่องจากรายได้ของ อปท. เพิ่มขึ้นจากการจัดเก็บภาษี ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราปกติ ค่าใช้จ่าย 0.60 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.11 โดยเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร ค่าบำเหน็จบำนาญ และค่าใช้จ่ายสวัสดิการของรัฐ

สำหรับหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงิน คณะรัฐมนตรีให้จัดส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ 2565 ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ ครม. มีมติ

ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์พบว่า สัดส่วนรายได้เพิ่มสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยรายได้รวมของปีงบประมาณ 2565 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2564 ร้อยละ 17.61 ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.98 โดยมีสัดส่วนรายได้เพิ่มสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานของรัฐและรายได้แผ่นดิน