ประชาธิปัตย์ องค์ประชุมล่ม 2 ขั้วงัดข้อ เลื่อนโหวตหัวหน้าพรรค

ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

องค์ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ล่ม นับ 2 รอบ ไม่ถึง 250 งัดข้อบังคับข้อที่ 85 เลื่อนการประชุมใหม่ภายใน 30 วัน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2566 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายหลังจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคได้ลาออกจากตำแหน่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดยมีผู้บริหารพรรค ตัวแทนสาขาพรรค ตัวแทนประจำจังหวัดและสมาชิกพรรคมาร่วมเป็นองค์ประชุม 299 คน ครบองค์ประชุมตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค คือ 250 คน 

ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ตีตกญัตติเลื่อนประชุม-งดข้อบังคับ 

รายงานข่าวว่า ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค รับผิดชอบภาคกลาง เสนอในที่ประชุมขอใช้ข้อบังคับพรรคข้อที่ 137 เพื่อยกเว้นข้อบังคับพรรคที่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ชุดปัจจุบันของพรรค 25 คน มีน้ำหนักในการออกเสียงร้อยละ 70 ขณะที่องค์ประชุมในสัดส่วนอื่นมาน้ำหนักร้อยละ 30 จากนั้นนายธนา ชีรวนิจ อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เสนอขอประชุมลับและเชิญสื่อมวลชลออกนอกห้องประชุม โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง

รายงานข่าวแจ้งว่านายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบ กทม. เสนอให้งดไว้ข้อบังคับข้อที่ 37 วรรคสอง กรณีกรรมการบริหารพรรคพ้นตำแหน่งทั้งคณะเพราะหัวหน้าพรรคลาออกจากตำแหน่งให้เลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง หรือหมายความว่า ให้เลื่อนการประชุมออกไป ที่ประชุมมีมติเห็นด้วย 151 เสียง ซึ่งไม่ถึง 3 ใน 5 ขององค์ประชุมทั้งหมด 289 เสียง หรือ ได้น้อยกว่า 171 เสียง ทำให้ญัตติของนายองอาจตกไป 

ขณะที่ญัตติของนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบภาคกลางที่เสนอของดใช้หรือยกเว้นข้อบังคับข้อที่ 87 (1) และ (2) เกณฑ์คำนวณคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสมาชิกเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคให้องค์ประชุมของ ส.ส.ปัจจุบันให้ถือเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 และสัดส่วนองค์ประชุมอื่นร้อยละ 30 ที่ประชุมมติเห็นด้วย 147 เสียง ซึ่งไม่ถึง 3 ใน 5 ขององค์ประชุมทั้งหมด 298 เสียง หรือ ได้น้อยกว่า 179 เสียง ทำให้ญัตติของนายสาธิตตกไป ประธานสั่งพักการประชุม 1 ชั่วโมง  

ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์-นับองค์ประชุม 2 รอบ ล่ม ไม่ถึง 250 

ภายหลังพักการประชุมกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พรรคประชาธิปัตย์ 3 ประกอบด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รักษาการกรรมการบริหารพรรค และนายราเมศ รัตนะชะเวง รักษาการโฆษกพรรค ได้สั่งเดินหน้าวาระเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ โดยเปิดให้ที่ประชุมเสนอชื่อผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรคและจับสลากเลขประจำตัวเลือกตั้งและเลขลำดับก่อนหลังเพื่อการแสดงวิสัยทัศน์คนละ 7 นาที 

อย่างไรก็ตามกกต.พรรคสั่งนับองค์ประชุม แต่เมื่อนับองค์ประชุมรอบแรกแล้ว นับได้จำนวน 221 คน ซึ่งตามข้อบังคับองค์ประชุมต้อง 250 ขึ้นไป ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ กกต.วินิจฉัยแล้วให้รอจนถึงเวลา 15.00 น. และสั่งพักการประชุม  

ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อถึงเวลา 15.00 น. กกต.พรรค สั่งนับองค์ประชุมอีกครั้งเป็นรอบที่สอง ผลปรากฏว่ามีองค์ประชุม 201 กกต.ไม่สามารถดำเนินการประชุมต่อไปได้ นายจุรินทร์ในฐานะประธานในที่ประชุมสั่งเลิกประชุมและหารือกับนายเฉลิมชัย เพื่อนัดประชุมรักษาการกรรมการพรรคต่อไป

ข้อบังคับข้อ 85 ในกรณีผู้มาประชุมไม่ครบองค์ประชุม ถ้าเป็นองค์ประชุมใหญ่สามัญให้นัดประชุมใหม่ภายใน 30 วัน ถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคเรียกประชุมจะเรียกประชุมใหม่หรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นกรณีอื่นตามข้อบังคับพรรคข้อ 79 (2) ไม่ต้องเรียกประชุมใหม่ การประชุมใหญ่สามัญหรือวิสามัญที่นัดประชุมใหญ่ภายในสามสิบวัน ถ้ามีผู้มาประชุมไม่ครบองค์ประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมไปได้โดยไม่ต้องนัดประชุมใหญ่อีก

ประชุมเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โปรไฟล์แคนดิเดต-ตัวเต็งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 

สำหรับแคนดิเดตหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคที่มีกระแสมาตลอดการประชุมในวันนี้ นายนราพัฒน์ แก้วทอง มีชื่อเล่นว่า “ตุ้ม” อดีตรองเลขาธิการพรรคและอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบภาคเหนือ เป็นอดีต ส.ส.พิจิตร ลูกชายนายไพฑูรย์ แก้วทอง นักการเมืองบ้านใหญ่ อดีตรัฐมนตรีหลายรัฐบาล อดีต ส.ส.พิจิตรหลายสมัย   

จบการศึกษาจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ สาขาบัญชี จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) จาก Nation University สหรัฐอเมริกา

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายนราพัฒน์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 พร้อมนางอุมาพร แก้วทอง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 197,326,364 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 4,868,781 บาท  ดังนี้

นายนราพัฒน์ มีทรัพย์สิน 191,326,073 บาท ประกอบด้วย เงินสด 30,000 บาท เงินฝาก 588,723 บาท

หนี้สิน 4,360,781 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เป็นของนางอุมาพร 507,779 บาท เงินลงทุน 5,000,000 บาท เงินให้กู้ยืม 149,499,000 บาท ให้นางพัชราภรณ์ แก้วทอง น้องสาว ประกอบธุรกิจก่อสร้างกู้ยืม

ที่ดิน 25,142,500 บาท ส่วนใหญ่ พิจิตร ปราจีนบุรี กทม. โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 9,466,453 บาท ส่วนใหญ่ห้องชุดอยู่ที่นนทบุรี กทม. ยานพาหนะ 2,880,496 บาท สิทธิและสัมปทาน 107,900 บาท

ทรัพย์สินอื่นของนายนราพัฒน์และนางอุมาพร 8,035,500 บาท ทรัพย์สินอื่นของนายนราพัฒน์ พระเลี่ยมทองสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซม มูลค่า 800,000 บาท พระเลี่ยมทองปิดตาหลวงปู่เอี่ยม 300,000 บาท พระเลี่ยมทองหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน 400,000 บาท เหรียญรัชกาลที่ 9 ทรงผนวชเลี่ยมทอง 200,000 บาท เหรียญรัชกาลที่ 5 เลี่ยมทอง 200,000 บาท 

นางอุมาพร-คู่สมรส มีทรัพย์สิน 5,812,262 บาท ประกอบด้วย เงินสด 10,000 บาท เงินฝาก 40,717 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 765,650 บาท สิทธิและสัมปทาน 71,395 บาท

ทรัพย์สินอื่น อาทิ นาฬิกายี่ห้อ CHANEL 250,000 บาท นาฬิกายี่ห้อ Dior 250,000 บาท สร้อยคอมรกตล้อมเพชร 1,200,000 บาท แหวนเพชรประดับเพชรซีกสามแถว 450,000 บาท สร้อยทองประดับจี้เพชร 400,000 บาท สร้อยคอประดับเพชร 300,000 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 120,028 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 28 บาท สิทธิและสัมปทาน 120,000 บาท

นายกชาย อู้ฟู่ 635 ล้าน 

ขณะโปรไฟล์ของนายเดชอิศม์ ขาวทาง หรือ “นายกชาย” อดีต ส.ส.สงขลา 2 สมัย อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ พา ส.ส.ภาคใต้ชนะเลือกตั้ง 17 คน

เป็นอดีตนายก อบจ. สงขลา 2 สมัย อดีตนายกสมาคมกีฬา จังหวัดสงขลา อดีตนายกสมาคมมวยอาชีพภาคใต้ อดีตนายกสมาคมชนโคไทย การเลือกตั้งปี 48 ลงสมัคร ส.ส.สงขลา ในนามพรรคไทยรักไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

นายเดชอิศม์ ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ ด้วยการล้มนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย ที่อยู่ในช่วงขาลง ด้วยคะแนน 58.9 เปอร์เซ็นต์ ชนะนายชินวรณ์ ที่ได้คะแนน 39.4 เปอร์เซ็นต์

นายเดชอิศม์พิสูจน์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม  นำทัพประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งซ่อม จังหวัดชุมพร เขต 1 และ จังหวัดสงขลา เขต 6

ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ส.ส.สงขลา กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 พร้อมคู่สมรส คือนายเดชอิศม์ (ชื่อเดิม นายวรวิทย์) และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจำนวน 2 คน

นางสุภาพร แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่า “อยู่กินกันฉันสามีภรรยา” และมีบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 2 คน มีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 635,822,761 บาท ดังนี้

บัญชีทรัพย์สิน เดชอิศม์ 334,391,046 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 13 บัญชี 33,770,324 บาท เงินลงทุน 10,850,000 บาท อาทิ บจก.แอล เอส โกลบอล 100,000 หุ้น 10,000,000 บาท บจก.ทรัพย์สมบัติ 2018 จำนวน 8,500 หุ้น 850,000 บาท

ที่ดิน 59 แปลง 243,635,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดินใน อ.หาดใหญ่ อ.สะเดา อ.รัตภูมิ อ.ควนเนียง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ครอบครองที่ดินเอกสาร น.ส.3 ก.จำนวน 16 แปลง

โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง 26,200,000 บาท อาทิ สนามชนโค ต.ควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา 25 ล้านบาท ที่อยู่อาศัย อ.รัตภูมิ จ.สงขลา 1,200,000 บาท

ยานพาหนะรถยนต์ 2 คัน รถแทรกเตอร์ 2 คัน รวมมูลค่า 8,759,000 บาท สิทธิและสัมปทาน มูลค่ารวม 7,319,722 บาท ส่วนใหญ่เป็นกรรมธรรม์ประกันชีวิต และป้ายประมูลทะเบียนรถ ขท 1111 สงขลา 390,000 บาท

ทรัพย์สินอื่น 3,857,000 บาท อาทิ ปืน 7 กระบอก นาฬิกาหรูยี่ห้อ PATEX และ ROLEX รวม 4 เรือน สร้อยคอทองคำ 10 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม 4 ใบ เงินเบิกเกินบัญชี 1 บัญชี 46,864 บาท

บัญชีทรัพย์สินคู่สมรส น.ส.สุภาพร 299,086,692 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 44 บัญชี 19,976,780 บาท 

เงินลงทุน 67,150,043 บาท อาทิ บจก.แอล เอส โกลบอล 80,000 หุ้น 8,000,000 บาท บจก.ทรัพย์สมบัติ 2018 จำนวน 1,000 หุ้น 100,000 บาท บจก.โกลไดมอล พร็อพเพอตี้ 5,000 หุ้น 500,000 บาท บจก.ไทยอินเตอร์ เอส ดี กรุ๊ป 40,000 หุ้น 4,000,000 บาท บจก.ไทยอินเตอร์แมชชีน 175,000 หุ้น 17,500,000 บาท บมจ.หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส 107,049 หุ้น 1,241,853 บาท

ที่ดิน 43 แปลง 167,100,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นโฉนด อ.หาดใหญ่ อ.สะเดา อ.รัตภูมิ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ครอบครองที่ดินเอกสาร น.ส.3 ก. จำนวน 2 แปลง ได้แก่ ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เนื้อที่ 50 ตารางวา (ตร.ว.) มูลค่าปัจจุบัน 200,000 บาท ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา 10 ไร่ 85 ตร.ว. 3,000,000 บาท ห้องชุดลาดกระบัง กทม. 2,200,000 บาท

โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4 หลัง 17,869,823 บาท อาทิ ที่อยู่อาศัย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 7 ล้านบาท ที่อยู่อาศัย อ.สะเดา จ.สงขลา 1 ล้านบาท คอนโดฯลาดกระบัง กทม. 2,200,000 บาท คอนโดฯ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 5,500,000 บาท และ 2,169,823 บาท

ยานพาหนะรถยนต์ 10 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน รวมมูลค่า 17,975,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 7,346,116 บาท ส่วนใหญ่เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต ป้ายประมูล ทะเบียนรถ ขท 8888 สงขลา 510,000 บาท กษ 1111 สงขลา 460,000 บาท ขท 5555 สงขลา 300,000 บาท

ทรัพย์สินอื่น 1,677,930 บาท อาทิ สร้อยคอ ทองคำขาว (สีขาว) ชุดเพชร 1 เซต สร้อยคอเพชร ต่างหูเพชร แหวนเพชร (ลายวงกลม+หัวใจเล็ก ๆ) ต่างหูเพชร (สีขาว ห่วงธรรมดา) แหวนเพชร ต่างหูหัวใจ สร้อยคอ กระเป๋าแบรนด์เนม 15 ใบ

เงินเบิกเกินบัญชี 9 บัญชี 496,915 บาท เงินกู้จากธนาคารอิสลามฯ สาขาจะนะ จำนวนเงินกู้ตามสัญญา 3,900,000 บาท ยอดหนี้คงเหลือ 2,100,645 บาท

หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 50 ล้านบาท ประกอบด้วย กสิกรลีสซิ่ง จำนวนเงินกู้ตามสัญญา 4,210,000 บาท นายบัณฑิตย์ สมบูรณ์ วันที่ทำสัญญา 3 ก.ค. 64 จำนวนเงินกู้ในสัญญา 20 ล้านบาท ยอดหนี้คงเหลือ 20 ล้านบาท และนายฉัตรชัย จิระโร วันที่ทำสัญญา 17 มี.ค. 64 จำนวนเงินกู้ตามสัญญา 30 ล้านบาท ยอดหนี้คงเหลือ 30 ล้านบาท

บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 2,345,023 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 2 บัญชี 178,992 บาท สิทธิและสัมปทาน 2,166,031 บาท 

ชัยชนะเมียรวยถือหุ้นร้านทอง 

สำหรับประวัตินายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช 2 สมัย อดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช 

ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนายชัยชนะพร้อมคู่สมรส กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566  มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 163,438,048.58 บาท มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 68,975,213.46 บาท ดังนี้

บัญชีทรัพย์สินของนายชัยชนะ 63,263,537.81 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 3 บัญชี 47,137.81 บาท เงินลงทุน ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทเกอร์กรุ๊ป 100,000 บาท ที่ดิน 15 แปลง 21,913,400 บาท ส่วนใหญ่อยู่ที่นครศรีธรรมราช โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6 หลัง 40,500,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 703,000 บาท อาวุธปืน 7 กระบอก งาช้าง 2 กิ่ง 

บัญชีหนี้สิน เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 30,812,269.31 บาท 

บัญชีทรัพย์สินของคู่สมรส 100,174,510.77 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 13 บัญชี 1,512,335.88 บาท เงินลงทุน 15,060,742.89 บาท อาทิ ห้างหุ้นส่วนจำกัดทีเจสยาม บริษัท อรโกลด์ จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทเกอร์กรุ๊ป ห้างหุ้นส่วนจำจัด ทริปเปิ้ลที 2017 บริษัท เดอะไทด์โกลด์ จำกัด บริษัท เดอะไทด์ กรุ๊ป 2021 บริษัท เดอะไทด์ เอสเตท จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด รามโรม วัลเลย์ 

ที่ดิน 11 แปลง 50,357,000 บาท ส่วนใหญ่อยู่ที่นครศรีธรรมราช กระบี่และกทม. โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง  23,600,000 บาท ยานพาหนะ รถยนต์ 4 คัน 5,494,432 บาท ทรัพย์สินอื่น 4,150,000 บาท อาทิ ชุดเครื่องเพชร นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Panerai 1 เรือน นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Cartier  เรือน นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Bulgari 1 เรือน นาฬิกาข้อมูล Patex  2เรือน กระเป๋าถือยี่ห้อ Hermes สีดำ 1 ใบ  บัญชีหนี้สิน เงินเบิกเกินบัญชี 3,820.10 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 38,159,124.05 บาท 

นายชัยชนะแจ้งข้อมูลรายได้ต่อปี 4,142,720 บาท ประกอบด้วย รายได้ประจำมาจากเงินเดือน 1,362,720 บาท รายได่จากการทำสวนปาล์ม 2,000,000 บาท รายได้อื่น ๆ ค่านายหน้า 780,000 บาท 

คู่สมรสรายได้ต่อปี 3,770,000 บาท ประกอบด้วย รายได้ประจำมาจากเงินเดือน 960,000 บาท รายได้จากทรัพย์สิน ได้แก่ ร้านทอง (ถือหุ้น 45%) 960,000 บาท โรงแรม (ถือหุ้น 50 %) 600,000 บาท ให้เช่ารถ 50,000 บาท รายอื่น ๆ 1,200,000 บาท  

นายชัยชนะแจ้งสถานภาพ อยู่กินกันฉันสามีภริยากับน.ส.ชฎาลักษณ์ วรพงศ์ และมีบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย 3 คน