20 พรรค 263 เสียง ชนะ 2 คูหา โหวตงบฯ-ฝ่าศึกซักฟอก

2 ศึก 2 คูหาต่อไปของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวก ต้องฝ่าด่านเดือนกุมภาพันธ์ เผด็จศึกทั้ง 2 คูหา

คูหาที่ 1 การลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 “เทกสอง” ในวาระที่ 2-3 ในวันที่ 13-14 ก.พ.

คูหาที่ 2 การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี ในวันที่ 24-26 ก.พ. และลงมติในวันที่ 27 ก.พ. ก่อนปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 29 ก.พ.

2 ใน 4 เสียงจากการเลือกตั้งซ่อม พรรคฝ่ายรัฐบาล-พลังประชารัฐ (พปชร.) เก็บแต้ม-เติมเสียงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 เป็นปึกแผ่น

2 เสียงจากการเลือกตั้งซ่อม-ตุนแต้มต่อให้รัฐบาล เป็น “โดมิโนขายฝัน” อย่างที่ธนาธร-พรรคพวกฝ่ายค้าน “ฝันหวาน” ทั้งเขต 5 นครปฐม ที่เคยเป็นเสียงของพรรคฝ่ายค้าน-อนาคตใหม่ “กระแส” ไม่อาจต้านทาน “กระสุน” จนพลาดท่านายเผดิมชัย บ้านสะสมทรัพย์ จากค่ายพรรคชาติไทยพัฒนา

ขณะที่ขอนแก่น เขต 7 ที่เคยเป็นฐานเสียง-เมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย (พท.) ถูกพลังประชารัฐ “ตีแตก-แก้มือ” จาก “สมศักดิ์ คุณเงิน” คนคุ้นเคย-อดีต ส.ส.ขอนแก่น 5 สมัย สถานีเลือกตั้งซ่อมเขต 2 กำแพงเพชร ในวันที่ 23 ก.พ. พลังประชารัฐส่ง “เพชรภูมิรัตน์ อาภรณ์รัตน์” ลูกชาย พ.ต.ท.ไวพจน์ “ป้องกันแชมป์” โดยมี “กำพล ปัญกุล” มุมเพื่อไทย “ผู้ท้าชิง”

ส่วนเขต 5 สมุทรปราการ พรรค-พวก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถึงกับพลาดท่าเสียที ภายหลัง “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ถูกคำสั่งศาลเลือกตั้งให้ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” จนกว่าศาลจะมีการเลือกตั้งซ่อม

นอกจากนี้ยังมีเสียง “งูเห่า” ของพรรคฝ่ายค้าน สำรองไว้ในยามคับขัน-ฉุกเฉิน ประกอบด้วย เพื่อไทย 3 ตัว ได้แก่ 1.นางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี 2.นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. 3.นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี

วีรกรรมของ “งูเห่าสีแดง” 3 ตัว คือ การอยู่แสดงตนเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล-คว่ำญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากประกาศ-คำสั่งตามมาตรา 44 ของฝ่ายค้าน และเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯปี”63 “เทกแรก”

ขณะที่ “งูเห่าสีส้ม” 4 ตัวของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ภายหลังถูก “ขับออก” ต่าง “เก็บข้าวของ” ไปสังกัดฝ่ายพรรครัฐบาลทั้งหมด 1.นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ไปซบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) 2.น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี ไปอยู่ “บ้านเตาปูน” พรรคพลังท้องถิ่นไท 3.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี เขต 1 และ 4.นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี เขต 2 พึ่งใบบุญพลังประชารัฐ

งูเห่า 5 เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) ยกเว้น “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” กลายเป็นเสียงฝ่าย “รัฐบาลเต็มตัว” ภายหลังถอนตัวออกจาก 7 พรรคฝ่ายค้าน

และ 1 เสียงจากประชาชาติ คือ นายอนุมัติซูสารอ ส.ส.ปัตตานี ที่อยู่แสดงตนเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล-งดออกเสียงญัตติตั้ง “กมธ.ม.44” ของฝ่ายค้าน

ยังมีเอฟเฟ็กต์จากรัฐธรรมนูญ 2560-การคำนวณคะแนน ส.ส.ขึ้น ๆ ลง ๆ เช่น กรณีการทิ้งเก้าอี้ ส.ส.-ลาออกจากประชาธิปัตย์ ของ “กรณ์ จาติกวณิช” 

ประกอบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นับ-คำนวณคะแนน ส.ส.ใหม่ หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง “ชาติชาย วรพิพัฒน์” อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.จันทบุรี ประชาธิปัตย์ กรณีปราศรัยใส่ร้ายเพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม เข้าข่ายเป็นคดีทุจริตเลือกตั้ง

ส่งผลให้ “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” พรรคไทรักธรรม ฟื้นคืนชีพ เป็น ส.ส.-ทดแทนเสียงที่พร่องไปของพรรครัฐบาล

เมื่ออัพเดตกำลัง-เช็กเสียงของพรรคฝ่ายรัฐบาล 20 พรรค 263 เสียง ประกอบด้วย 1.พลังประชารัฐ 117 เสียง (+1 เสียงของนายไพบูลย์ นิติตะวัน และ +2 เสียงของ พ.ต.ท.ฐนภัทร และนายจารึก-งูเห่า) ไม่นับรวม 1 เสียง จากการเลือกตั้งซ่อมกำแพงเพชร เขต 2 ในวันที่ 23 ก.พ. และ 1 เสียงจากเขต 5 สมุทรปราการ ของกรุงศรีวิไล-หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2.ประชาธิปัตย์ 53 เสียง 3.ภูมิใจไทย 52 เสียง (+1 เสียงของนางศรีนวล-งูเห่า) 4.ชาติไทยพัฒนา 11 เสียง 5.รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง 6.เศรษฐกิจใหม่ 5 เสียง 7.ชาติพัฒนา 3 เสียง 8.พลังท้องถิ่นไท 4 เสียง (+1 เสียงของกวินนาถ-งูเห่า) 9.รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง และ 10.พรรคจิ๋ว 11 พรรค 11 เสียง คือ พลังชาติไทย ประชาภิวัฒน์ ไทยศรีวิไลย์ พลังไทยรักไทย ครูไทยเพื่อประชาชน ประชานิยม ประชาธรรมไทย พลเมืองไทย ประชาธิปไตยใหม่ พลังธรรมใหม่ และไทรักธรรม

พรรคฝ่ายรัฐบาลยังมีเสียงงูเห่า-มือสำรองจากพรรคฝ่ายค้าน 4 เสียง (เพื่อไทย 3 เสียง ประชาชาติ 1 เสียง)

ฝั่งพรรคฝ่ายค้าน 6 พรรค กับอีก 1 เสียงของนายมิ่งขวัญ รวม 235 เสียง 1.เพื่อไทย 135 เสียง 2.อนาคตใหม่ 76 เสียง (-4 เสียงงูเห่าที่ถูกขับออก) 3.เสรีรวมไทย 10 เสียง 4.ประชาชาติ 7 เสียง 5.เพื่อชาติ 5 เสียง 6.พลังปวงชนไทย 1 เสียง และ 7.นายมิ่งขวัญ 1 เสียง

หากอนาคตใหม่ถูกยุบ 11 เสียง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์-กก.บห.พรรค จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง-หมดสิทธิ์ยกมือโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ “แก้เกม” ด้วยการ “ชิงลาออก” ขณะที่ ส.ส.เขตอีก 65 ชีวิต ยังต้องวัดใจว่าจะภักดี-แปรพักตร์