‘ก้าวไกล’ เสนอ 4 มาตราการเร่งด่วน เยียวยาประชาชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอ 4 มาตราการเยียวยาแก้ปัญหาโควิด เผยเป็นมาตรการพร้อมใช้ รัฐบาลทำได้ทันที

วันที่ 12 มกราคม 2563 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนในประเทศเดือดร้อน แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีมาตรการเยียวยาที่เป็นรูปธรรมออกมา ตนจึงขอนำข้อเสนอมาตรการเยียวยาที่พรรคก้าวไกลได้ศึกษาและจัดทำรายละเอียด โดยหวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจและเห็นใจความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนตามรายงานของมติชน ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นมาตรการพร้อมใช้ที่รัฐบาลสามารถนำไปใช้ได้ทันที

  1. ทบทวนมาตรการการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัดโดยเร่งด่วน ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ระดับการติดเชื้อ ศักยภาพในการรองรับผู้ป่วย รวมถึงต้องคำนึงถึงประเภทสถานประกอบการที่ถูกสั่งปิดในแต่ละจังหวัด ให้มีมาตรการเยียวยาที่สอดคล้องและสมเหตุสมผลกับแต่ละสถานที่
  2. เร่งช่วยเหลือถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน สำหรับอายุ 18 ปี ขึ้นไป ยกเว้นข้าราชการ เพื่อเป็นโครงข่ายรองรับทางสังคม
  3. เยียวยาเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากเป็นพิเศษจากโควิดและมาตรการของภาครัฐ
  • ต้องมีมาตรการช่วยเหลือค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าเช่าให้ประชาชน ในจังหวัดที่ถูกควบคุมในระดับเข้มงวดสูงสุด
  • ชดเชยสถานประกอบการที่ถูกขอความร่วมมือให้หยุดกิจการราว 6,098 แห่ง ใน 28 จังหวัดที่ถูกสั่งปิด เพิ่มจาก 50% เป็น 75% ใช้งบเพิ่ม จาก 2,321 ล้านบาทเพิ่มเป็น 3481.5 ล้านบาท โดยสามารถตั้งต้นงบประมาณไว้ราว 4,000-5,000 ล้านบาท เพราะอาจมีสถานประกอบการที่มาลงทะเบียนเพิ่ม
  • ควรมีมาตรการพยุงการจ้างงานสำหรับธุรกิจที่รายได้ลดลงในช่วงโควิด โดยมุ่งเน้นจังหวัดที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก เช่น 5 จังหวัดแดงเข้มและกรุงเทพฯ เสนอให้ใช้เกณฑ์การพิจารณาให้โดยดูจากรายได้/การนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลง ชดเชยที่ 50-75% โดยมีเพดานไม่เกิน 7,500 บาท/ราย
  • ต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้เช่าไม่ให้ถูกให้ออก โดยอาจมีกฎหมายพิเศษห้ามบังคับไล่ผู้เช่าออกในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมาก และให้รัฐบาลไปเยียวยาผู้ให้เช่า เช่น พิจารณาลดภาษีที่ดิน

4. สำหรับภาคธุรกิจ รัฐบาลควรต่อสายป่านของธุรกิจที่อาจขาดสภาพคล่องจากสถานการณ์ที่คลี่คลายช้าลง โดยต้องมีโครงการ Soft-loan และพักชำระหนี้ไปสูงสุด 2 ปี ซึ่งอาจใช้โมเดลแบบการฟื้นฟูช่วงที่เกิดสึนามิ ด้วยการปล่อยสินเชื่อผ่านธนาคารและธนาคารของรัฐ

นายพิธากล่าวต่อว่า มาตราการเยียวยาทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นได้จริงและทำได้อย่างเร่งด่วน โดยจะหางบประมาณได้จากการโยกงบฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยังเหลืออยู่ ใช้สำหรับเยียวยา รวมแล้วจะมีงบยังไม่ได้ใช้จากเงินกู้ 1 ล้านล้านเหลืออยู่ราว 467,000 ล้านบาท งบกลางเหลืออยู่ราว 139,000 ล้านบาท และการเกลี่ยก่อนที่จะกู้ เมื่อมีสถานการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกรอบ ก็ควรรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดที่มี รวมถึงการโยกงบปี 2564 ในส่วนที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพื่อนำไปเป็นกระสุนสำหรับการฟื้นฟูในระยะถัดไป

นายพิธา ระบุว่า ก่อนที่จะคิดกู้เงินเพิ่ม ประสบการณ์จากการโยกงบปี 2563 พบว่าหน่วยงานรัฐสามารถหั่นงบตัวเองได้เมื่อยามจำเป็นโดยไม่กระทบเป้าหมายเดิม สำหรับปี 2564 ที่งบประมาณเพิ่งเริ่มใช้มาไม่ถึง 3 เดือน จะโยกงบได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท

“มาตรการเหล่านี้คิดมาโดยละเอียดรอบคอบ บนพื้นฐานที่เป็นไปได้ทางการคลังทั้งสิ้น หากท่านเป็นรัฐบาลของประชาชนก็ไม่ควรรั้งรอที่จะดำเนินการใด ๆ เพราะเวลานี้หลายครอบครัวและหลายกิจการเหมือนมือกำลังเกาะขอบเหว ไม่รู้ว่าจะอดทนได้อีกแค่ไหน ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลของประเทศนี้จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยพวกเขาบ้าง” นายพิธากล่าว