#กูจะเปิดมึงจะทำไม เสี่ยงแพร่โควิดหนัก “เลขาฯสมช.” วอนอย่าทำอย่างนั้น !

เลขาฯ สมช.วอนหยุดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิดมากขึ้น

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 โลกออนไลน์มีการตั้งแคมเปญใหม่ #กูจะเปิดมึงจะทำไม จากกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เรียกร้องให้บรรดาร้านอาหารแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ปิดไม่ให้นั่งทานอาหารในร้าน

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความกล่าวเชิญชวน ผู้ประกอบการร้านค้า ที่อยากร่วมแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ให้ร่วมลงชื่อไว้ ทั้งนี้บนโพสต์ดังกล่าวมีใจความว่า ได้ชวนกลุ่มผู้ประกอบการมาร่วมกันเปิดขายอาหาร-เครื่องดื่มกลับบ้าน โดยมีการจัดงานในรูปแบบ Event และแบ่งเป็น 3 ระยะ

ระยะที่ 1 : Flash Mob ดาวกระจาย เปิดเวทีปราศรัย เล่นดนตรี Unplugged ในร้าน ให้เข้าฟังร้านละ 20 คน จัดทีละเขต เขตละ 5-10 ร้านในวันเดียวกัน  “ใครใคร่ไปร้านไหนไป แล้วก็เปลี่ยนไปจัดเขตอื่นต่อ ไอเดียมาจากงานคืนกลางคืน ของศิลปิน ปชต. กับร้าน Junk House Music Bar”

ระยะที่ 2 : Open ! เปิดร้าน เปิดให้นั่ง ขายเหล้าเบียร์ เล่นดนตรีสด แบบมีมาตรการ รักษาระยะห่าง ไม่ต้องประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องเอิกเกริก แต่เปิดโอกาสให้ลูกค้าประจำและเพื่อนฝูงได้มาสนับสนุนคุณ ถ้ามีการมาจับกุม เราก็รวมพลังกันด่าและสู้ ถึงตอนนั้น เครือข่ายเราก็จะแข็งแรงแล้ว

ระยะที่ 3 : Market Place + Mob ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เกิดอะไร ได้ชวนลงถนน ออกร้านขายอาหารบนถนน เปิดลานเบียร์ ตั้งเวทีเล่นดนตรี แล้วก็ปราศรัยใหญ่ เชื่อว่าคนเอาแน่ ลูกค้าคุณจะตามมาซื้อ

“เริ่มต้นจากการกรอกฟอร์มค่ะ ย้ำอีกที ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียเบื้องต้นจากการปรึกษาหลาย ๆ คนนะคะ ซึ่งเราเข้าใจค่ะว่ามันมีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่จุดนี้ถ้าจะสร้างเครือข่ายและเกราะป้องกันช่วยเหลือกัน คุณต้องแสดงความกล้าหาญและประกาศตัวแล้วล่ะ นั่นแหละ เริ่มจากการกรอกฟอร์ม หรือไปชวนร้านโปรดของคุณให้มาลงชื่อกัน” เฟซบุ๊กผู้ใช้รายเดิมกล่าว

เลขาฯ สมช.วอนหยุดแคมเปญ!

เว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงาน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้ทราบเรื่องแล้ว และขอความร่วมมือ เพราะถ้าทำอย่างนั้น มีโอกาสเสี่ยงทั้งตัวผู้ประกอบการและผู้บริโภค

“ตอนนี้เราคงเข้าไปพูดคุยขอความร่วมมือว่าถ้าทำอย่างนั้น อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดมากขึ้น และที่ผ่านมา จากการสอบสวนโรค พบว่ามาจากลักษณะรวมกลุ่มไปรับประทานอาหารแล้วติดเชื้อกันมา”