ธุรกิจที่อยู่อาศัยใต้ปีกเซ็นทรัลกรุ๊ป ชูกลยุทธ์ “ติดศูนย์การค้า-มิกซ์ยูสดัง”

CPN

ต้นไตรมาส 3/65 ได้เวลาคิกออฟแผนลงทุนขนานใหญ่ของเซ็นทรัลกรุ๊ป

เป็นการเปิดตัวในโอกาสครบรอบก่อตั้ง 40 ปีของ “CPN-เซ็นทรัลพัฒนา” คีย์เวิร์ดอยู่ที่แผนธุรกิจ 5 ปี (2565-2569) ลงทุนเพิ่ม 50 โครงการ รักษาการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%

ตัวชี้วัด ณ ปี 2569 โครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมแปะยี่ห้อเซ็นทรัลกรุ๊ป จะมีไม่ต่ำกว่า 70 โครงการ แบ่งเป็น บ้านแนวราบสัดส่วน 30% คอนโดฯ 70% ทำเลการแข่งขันกระจายอยู่ใน 27 จังหวัด และมีลูกบ้านมากกว่า 20,000 ครัวเรือน

3 โฟกัสกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ผู้บริหารสูงสุดของ CPN “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ปี 2565 CPN เน้นย้ำการเป็น retail-led mixed-use developer ด้วยแผนลงทุนต่อเนื่อง 120,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี

ไฮไลต์แผนลงทุนที่กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักคือ “residential-โครงการที่อยู่อาศัย” เพราะเป็นแม็กเนตในโครงการมิกซ์ยูสและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ CPN ประเมินจากการเติบโตเป็นลำดับตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นการแจ้งเกิดท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจรวมทั้งสถานการณ์โควิด แต่กลุ่มธุรกิจ CPN Residential ก็สามารถสร้างรายได้รวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท

ความสำเร็จของ CPN Residential ถูกบันทึกไว้ในผลการสำรวจข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดที่ CPN เข้าไปลงทุน ทั้งตัวเลข “การเปิดตัวใหม่-ยอดขาย-ยอดโอน” ซึ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวเลขเชิงสถิติในทุกจังหวัดที่มีการเปิดโครงการใหม่

“ในฐานะที่เซ็นทรัลพัฒนามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี เราต้องการสร้างมาตรฐานโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพทั่วประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด เป็น the ecosystem of quality living ใส่ใจทุกรายละเอียดด้วย market insight ทำให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการลูกค้าในโลเกชั่นต่าง ๆ เป็นอย่างดี จึงสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้คนได้หลากหลายและครอบคลุมทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ตามแนวทางการพัฒนาศูนย์การค้าที่เป็นของ CPN”

จุดโฟกัสที่คมชัดของ CPN คือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งขัน เฟ้นกลยุทธ์ตอบโจทย์ affluent urbanists ทั้งกลุ่มลูกค้า “ซื้ออยู่เอง-real demand” เพราะมีความมั่นใจในแบรนด์ คุณภาพ และโลเกชั่นของบ้านเซ็นทรัล, กลุ่มลูกค้า “ตากอากาศ” มองหาบ้านอีกหลังเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ shop-cation และ weekend house

รวมทั้งกลุ่มลูกค้า “ซื้อเพื่อการลงทุน” มีพฤติกรรมมองหา asset ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ สามารถสร้างผลตอบแทน (yield) เฉลี่ยที่ 4-5% ต่อปี ซึ่งถือเป็นอัตราผลตอบแทนระดับดึงดูดการลงทุนได้อย่างดีเยี่ยม

CPN

Strong Synergy คือจุดขาย

ถัดมา ผู้บริหารหลักธุรกิจ residentail “ร.อ.กรี เดชชัย” President, Residential Business บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ระบุเพิ่มเติมว่า โครงการที่อยู่อาศัยของ CPN มีจุดแข็งที่โดดเด่นในการเชื่อมต่อ retail & residential integration ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย “Best in Town-Beyond Quality-Strong Synergy”

รายละเอียดเริ่มจาก 1.“Best in Town” แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล new CBD และย่านดาวน์ทาวน์ พร้อมความสะดวกสบายของการมีที่อยู่อาศัยติดกับศูนย์การค้าหรืออยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนา ตอบโจทย์เชื่อมโยงการใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้าน ทั้งการช็อปปิ้งในศูนย์การค้า ทานอาหารในโรงแรม และทำงานในอาคารออฟฟิศชั้นนำ

ทั้งหมดนี้พิสูจน์มาแล้วจากผลตอบรับ 4 ปีที่ผ่านมาว่า โครงการที่อยู่อาศัยของ CPN เป็น valuable asset ที่มีมูลค่าน่าลงทุน

2.“Beyond Quality” คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมายด้วย customer-centric design thinking เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ให้มากกว่าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น 2.1 space การให้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า, ให้พื้นที่สีเขียวที่มากกว่า สูงสุดถึง 35% ของพื้นที่ขาย ซึ่งมากกว่าโครงการทั่วไปในตลาด เน้นความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และให้พื้นที่ใช้งานที่มากกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ อาทิ flexible space, senior room, universal design

2.2 smart security & well-being ความปลอดภัยที่มาพร้อมสมาร์ทเทคโนโลยี ให้ในระดับมาตรฐานที่มากกว่า อาทิ ระบบดับเบิลเกตทางเข้า-ออกโครงการ, VMS (visitor management system) ในทุกโครงการ ขณะที่โครงการระดับบนแบรนด์ “นิยาม” มี security ถึง 6 ระดับด้วยกัน ในยุคพร็อพเทคแน่นอนว่ามาพร้อมกับ smart application รวบรวมทั้งระบบ privilege, security, home automation และระบบ active air-flow ดูแลคุณภาพอากาศในบ้าน ลดอุณหภูมิให้เหมาะแก่การอยู่อาศัย เป็นต้น

2.3 services & facilities นิติบุคคลบริหารงานโดย CPN สร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งให้พื้นที่ส่วนกลางมากกว่า และฟาซิลิตี้ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นรูฟท็อปพูลในคอนโดฯ เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 25 เมตร (semiolympic), ฟิตเนสอุปกรณ์มาตรฐานระดับเดียวกันกับในโรงแรม, บริการชัตเติลบัสไปเดินเซ็นทรัล, ที่จอดรถเหนือมาตรฐานทั่วไป

รวมทั้งดีไซน์เอาต์ดอร์ไลฟ์สไตล์รองรับฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ อย่างเช่น playground, library & senior garden ส่งเสริมการเรียนรู้และรองรับกิจกรรมผู้สูงวัย, pet-friendly, laundry cafe รอระหว่างซักผ้า, garden gym พื้นที่ออกกำลังกายในสวน เป็นต้น

2.4 sustainability ผลักดันเป้าหมายสู่ Net Zero ในปี 2050 นำร่องนำวัสดุและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการออกแบบ อาทิ คัดเลือกพรรณไม้ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 และเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น, ติดตั้งโซลาร์เซลล์เต็มรูปแบบในพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมให้คำปรึกษาแก่ลูกบ้านในการติดตั้ง, บริการ EV charger station, ระบบจัดการน้ำเสีย, จุดรับขยะรีไซเคิล เป็นต้น

3.“Strong Synergy” สิทธิประโยชน์จากกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยบริการที่มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกของการเข้ามาเป็นลูกบ้านเซ็นทรัล อาทิ เตรียมแผนบริการครั้งแรกด้วย CPN Concierge บริการผู้ช่วยส่วนตัว, แม่บ้าน, บริการอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจในโครงการมิกซ์ยูส, รับสิทธิอัพเกรดเป็น The 1 Exclusive หลังจากโอนบ้าน, ส่วนลดพิเศษจากเซ็นทรัล โรบินสัน ท็อปส์ออนไลน์ เพาเวอร์บาย และบริการเพื่อคนรักบ้านจาก Home Service และ BnB Home เป็นต้น
เจาะราคาเริ่มต้น 2-25 ล้าน

ปัจจุบัน CPN Residential ประกอบร่างขึ้นมาจากแบรนด์และฟอร์แมตที่หลากหลายทั้งแนวสูงและแนวราบ ได้แก่ “ESCENT” แบรนด์คอนโดฯ และทาวน์โฮมติดศูนย์การค้า ราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต มีไลฟ์สไตล์คนเมือง, “PHYLL” แบรนด์คอนโดฯราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ,

“NIYHAM” แบรนด์บ้านราคา 25 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า wealth ที่เป็นครอบครัวใหญ่, “NINYA” แบรนด์บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า Young Gen ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และ “NIRATI” แบรนด์บ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวเริ่มต้น

สำหรับการลงทุนใหม่ในปี 2565 CPN Residential เปิดตัว 6 โครงการใหม่ แบ่งเป็น 4 คอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ ESCENT “สุราษฎร์ธานี” ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ฯ และอีก 3 โครงการติดกับโรบินสัน “สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา ตรัง” ที่เหลือมี 2 โครงการบ้านแนวราบ ได้แก่ “นินญา ราชพฤกษ์” กับ “นิรติ เชียงใหม่”

ทั้งนี้ CPN ขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย