OMD2 – DITP พร้อมผลักดันภารกิจหนุนส่งออกเพิ่ม 1-2%

OMD2 - DITP พร้อมผลักดันภารกิจหนุนส่งออกเพิ่ม 1-2%

กระทรวงพาณิชย์ ชี้ สถานการณ์ส่งออกไทยฟื้นฟูได้ดี พร้อมผลักดันการส่งออกสินค้าไทยให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1-2% ในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ภายหลังการเตรียมความพร้อมและประเมินสถานการณ์ร่วมกับภาคเอกชน และได้ข้อสรุปแผนบุกตลาดทั้ง 7 ภูมิภาค รวมทั้งสิ้น 350 กิจกรรม คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

นายจิรกานต์ เพชรชาติ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 (สพต.2) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าภาคการผลิตอุตสาหกรรมโลกเร่งตัวขึ้นจากการผ่อนคลายปัญหาห่วงโซ่การผลิต แต่คำสั่งซื้อใหม่สำหรับการส่งออกไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการ             และผู้บริโภคควบคุมการใช้จ่ายมากขึ้น อีกทั้ง ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เกิด Demand Shock และ Overstock  ทั่วโลก ยกเว้นในกลุ่มตลาดศักยภาพใหม่ ที่ไม่ได้สั่งสินค้าจำนวนมาก แต่ตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ประสบปัญหา Overstock ซึ่งจะเป็นปัญหาไปจนอีกระยะหนึ่งข้างหน้า โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอาหารแช่แข็ง ทูน่า และอาหารสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมีการสั่งสินค้าตุนกันไว้เยอะมากในช่วงโควิด-19

โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) การส่งออกของไทยไปยังตลาดโลก มีมูลค่า 53,041.45ล้านเหรียญสหรัฐ (1,797,204.93 ล้านบาท) หดตัวร้อยละ 5.42 โดยสาเหตุมาจากจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าภาคการผลิตในอุตสาหกรรมทั่วโลกจะฟื้นตัวมากขึ้นจากการผ่อนคลายปัญหาห่วงโซ่อุปทาน แต่คำสั่งซื้อใหม่สำหรับการส่งออกไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น

สำหรับแนวทางการผลักดันการส่งออกสินค้าไทย ผอ.สพต.2 ให้ข้อมูลว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนการขับเคลื่อนการส่งออกปี 2566 ภายใต้เป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 1-2% โดย สพต.2 ภายใต้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการไทย ทั้งแผนปกติ และแผนวอร์รูม ซึ่งแผนปกติมีเป้าหมายเพื่อรักษาตลาดเดิม และเพิ่มมูลค่าการส่งออก โดย สพต. 2 จะเน้นจัดกิจกรรมสัมมนาผ่านระบบออนไลน์เพื่อให้ความรู้และเสริมสร้างศักยภาพแก่ผู้ประกอบการไทย ตลอดจนกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ (Online Business Matching) ใน 6 ภูมิภาคสำคัญ ได้แก่ อเมริกา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป และ CIS ส่วนแผนวอร์รูม นั้น สพต.2 จะขับเคลื่อนและผลักดันการส่งออกโดยเน้นตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือร่วมกับภาคเอกชน รวมทั้งเพิ่มแผนการเจาะตลาดศักยภาพใหม่อย่างภูมิภาคเอเชียกลาง 5 ประเทศ  ได้แก่ คาซัคสถาน อุซเบกิซสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน และคีร์กีซสถาน

นายจิรกานต์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คาซัคสถาน เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง แม้ว่าปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับคาซัคสถานยังมีมูลค่าไม่สูงนัก แต่ก็มีโอกาสขยายตัวได้ดีในอนาคต โดยเฉพาะคาซัคสถานที่สามารถเป็นศูนย์กลาง (hub) กระจายสินค้าไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียกลางได้ นอกจากนี้ ยังมีตลาดนอร์ดิก ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มุ่งขยายฐานการส่งออกในตลาดดังกล่าว ในกลุ่มสินค้าอาหาร เกษตรอินทรีย์ และ BCG ซึ่งเป็น ที่ต้องการของตลาดนอร์ดิก ทั้งนี้ สพต. 2 มีกำหนดจัดเสวนาเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ในโครงการ “คาชัคสถาน : ประตูสู่เอเชียกลาง” (“Kazakhstan : The Potential Gateway to Central Asia Market”)  และ “นอร์ดิก: ตลาดที่ท้าทายสำหรับผู้ส่งออกไทย” (“Nordic: The Challenging Market for Thai Exporters”) ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting ในวันที่ 16 สิงหาคม 2566 เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้เตรียมความพร้อม และพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายฐานการส่งออกและแสวงหาช่องทางการเข้าสู่ตลาดเอเชียกลาง และตลาดนอร์ดิกได้

และ ในปี 2566 กรมฯ ยังคงเดินหน้าจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในไทย อย่างเต็มรูปแบบ และต่อเนื่องถึง 5 งาน ได้แก่ งาน STYLE Bangkok, งาน TAPA, งาน THAIFEX-ANUGA ASIA, งาน TILOG-LogistiX และ งาน Bangkok Gems & Jewely Fair ซึ่งคาดว่ามูลค่าการเจรจาการค้ารวมกว่า 17,600 ล้านบาท โดยในงานดังกล่าว สพต. 2 ได้มีการจัดบูทประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ www.ditp-overseas.com และ www.omd2manualcom ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลข่าวสารด้านการค้า และกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกต่างๆ ของกรม ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยและบุคคลทั่วไปที่สนใจได้ค้นหาข้อมูลและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าได้อีกช่องทางหนึ่ง