ว่าด้วยเรื่อง การกรน

คอลัมน์ : สุขภาพดีกับรามา
ผู้เขียน : ผศ.นพ.สิทธิ์เทพ ธนกิจจารุ อาจารย์พิเศษภาควิชาอายุรศาสตร์ 
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

กรนนั้นสำคัญไฉน ?…แปลว่าหลับสบาย หรือเป็นแค่เสียงหายใจของคนบางคนที่กำลังหลับอยู่ หรือมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น ?

ส่วนใหญ่ปัญหาเรื่องนอนกรน ภรรยาหรือสามีของคนไข้จะเป็นคนพาคนไข้ไปหาหมอ หรือไม่ก็ตัวคนไข้เองไปหาหมอเพราะถูกคนข้างเคียงบ่นว่าเรื่องกรนเสียงดัง แต่พอไปพบหมอ นอกจากถามเกี่ยวกับความดังของเสียงกรนแล้วหมอจะถามอาการอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

ตั้งแต่อาการอ่อนเพลีย อาการง่วงนอนผิดปกติ อาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างหลับ เช่น ตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึกบ่อยไหม อาการสะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้าย ถามถึงโรคประจำตัวทั้งหลายตั้งแต่ความดันสูง โรคหัวใจ สมอง โรคตา โรคหู

ทั้งที่เราไปหาหมอด้วยปัญหาเรื่องเสียงกรนแต่หมอกลับยิงคำถามเยอะแยะ ก็เพราะหมอต้องดูว่าคนไข้น่าจะมีโรคหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea) ร่วมอยู่ด้วยหรือเปล่า เหตุเพราะโรคหยุดหายใจขณะหลับส่งผลเสียต่อสุขภาพมาก ซ้ำร้ายยังอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้อีกด้วย

ลักษณะการกรนแบบแรกเรียกว่า “กรนคลาสสิก” คือพอหลับปุ๊บ ไม่ว่าตะแคงหรือหงายเสียงกรนจะดังทันที แถมเสียงกรนมีหลายหลากเสียง อาจมีทั้งเสียงอิ๊ด ๆ สั้น ๆ หรือครืด ๆ แล้วเงียบไปชั่วขณะ (อาจแค่ 10 วินาที หรือนานเกือบนาทีในบางครั้ง) แล้วตามด้วยเสียงกรนคร่อก…ก…โพล่งขึ้นมาอย่างแรง พร้อมหายใจถี่ ๆ ตามมาหนึ่งชุด

แล้วเสียงกรนก็กลับเงียบไปอีกสลับกันไปเรื่อย ๆ เป็นวงจร คราวนี้ให้สังเกตดูตอนที่เสียงกรนเงียบจะเห็นว่า ช่วงที่เงียบไปจริง ๆ แล้ว เป็นเพราะไม่มีลมหายใจผ่านเข้าออกจมูกปาก แต่อกและท้องยังกระเพื่อมอยู่ แบบนี้บอกได้เลยครับว่ามีภาวะหยุดหายใจแน่ ๆ และรุนแรงเสียด้วย

แบบที่สองก็รุนแรงคือชอบนั่งพิงเก้าอี้หรือนั่งหลับในรถ แม้ในท่านั่งก็ยังกรนดังคร่อก ๆ แบบนี้ต่อให้ไม่เห็นลักษณะแบบคลาสสิกก็มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแน่ แบบนี้ผมเรียกว่า “นั่งยังกรน”

แบบที่สามมีลักษณะกรนท่านอนหงาย ความแปรปรวนของเสียงจะไม่มากนัก แต่มีช่วงกรนดังสลับช่วงเงียบ บางครั้งช่วงที่หยุดหายใจอาจมาห่าง ๆ ไม่ถึง 10 ครั้งใน 1 ชั่วโมง เวลานอนตะแคงอาจไม่มีเสียงกรนหรือมีกรนแผ่ว ๆ เสียงเป็นจังหวะตามการหายใจดีกว่านอนหงาย แบบนี้ผมเรียก “กรนเมื่อหงาย”

แบบที่สี่ เสียงกรนจะดังแผ่ว ๆ แบบสม่ำเสมอเป็นครั้งคราวเป็นบางช่วงของคืนมีลักษณะหายใจดูคล้ายหยุดหายใจ ขึ้นกับความอ่อนล้าในวันนั้น เราที่อยู่ข้าง ๆ อาจคิดในใจว่า “วันนี้ท่าจะเหนื่อย” ไม่ถึงกับทำให้คนข้าง ๆ ผวา เลยตั้งชื่อว่า “กรนหลับปุ๋ย” กรนแบบนี้ถ้าไม่มีอาการร่วมอื่นใด แพทย์ดูแล้วไม่มีปัจจัยเสี่ยงก็ไม่น่ากังวล

แบบสุดท้ายเรียกว่า “กรนซ่อนกรน” มักเป็นกลุ่มคนไข้ที่อายุมากแล้ว กล้ามเนื้อไม่ค่อยมีกำลัง เวลาหลับลมหายใจก็จะแผ่วด้วย เสียงกรนไม่ดังมาก ท่านอาจมีการหยุดหายใจเพราะขากรรไกรตก ลิ้นหย่อนไปอุดเป็นห้วง ๆ ได้เช่นกัน บางครั้งเรามองไม่ออกเลย

ท่านเหล่านี้อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือแทบไม่กรนเลย แบบนี้ลูกหลานต้องคอยดูให้ดีมี “กรนซ่อนกรน” หรือไม่ ยิ่งถ้ากลางวันท่านมีอาการอ่อนเพลียง่วงนอนผิดปกติ หรือมีโรคทางสมองโรคหัวใจอยู่ด้วยยิ่งต้องดูให้ดี

ถึงตรงนี้คงเห็นภาพชัดขึ้นว่า กรนที่มีการหยุดหายใจของคนใกล้ชิดเกิดขึ้นได้หลายลักษณะ หมอที่ตรวจรักษาคนไข้จำเป็นต้องรู้ให้ได้อย่างชัดเจนว่าคนที่กรนนั้นมีโรคหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ และรุนแรงมากน้อยแค่ไหน

โดยตรวจสภาพการนอนหลับ (polysomnography) ซึ่งผลการตรวจทำให้รู้ว่าคนไข้มีการหยุดหายใจกี่ครั้งต่อชั่วโมง แต่ละครั้งเฉลี่ยนานแค่ไหน ออกซิเจนตกมากน้อยเพียงใด ทั้งในท่านอนหงายและตะแคง และสภาพการหลับของสมองเป็นอย่างไร มีหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยหรือไม่ หลังทราบผลหมอก็จะวางแผนรักษาร่วมกับคนไข้ให้ถูกตรงตามแนวทางมาตรฐานต่อไป