วอลล์ประเทศไทย นำร่องขนส่งไอศกรีมด้วยรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า 100% รายแรกในไทย ชูความสำเร็จสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 76%
วันที่ 31 ตุลาคม 2565 นายอะบิจิต กุลคาลนิ ผู้อำนวยการธุรกิจไอศกรีมประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า วอลล์ประเทศไทยได้ผลักดันให้มีการใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิด้วยตู้แช่แข็ง เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ซึ่งเป็นการใช้พลังงานสะอาดในการขนส่งไอศกรีมเป็นรายแรกในไทยได้สำเร็จ การใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV) มาทดแทนครั้งนี้ จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 76% เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปกติ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“การเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกสินค้าด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วยวอลล์ตอบโจทย์ความมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืน ในด้านการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะรถบรรทุกที่มีตู้แช่แข็งจะสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่ารถบรรทุกปกติ ซึ่งแม้เราจะเปลี่ยนมาใช้รถ EV ในการขนส่ง แต่บริษัทขอรับรองว่าคุณภาพและรสชาติของไอศกรีมวอลล์ยังคงอร่อยเช่นเดิม
เพราะนอกจากรถจะใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนแล้ว ยังใช้ไฟฟ้าในการควบคุมระบบทำความเย็นสำหรับแช่แข็งไอศกรีม ให้คงอุณหภูมิอยู่ระหว่าง -20 ถึง -22 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาผลึกน้ำแข็งให้มีขนาดเล็ก ให้ไอศกรีมคงรสชาติและความเนียนของเนื้อสัมผัสจนส่งมอบถึงมือผู้บริโภค และมีระบบสำรองควบคุมอุณหภูมิของไอศกรีมไม่ให้ละลายอีกด้วย”
รถบรรทุกไฟฟ้า 2 คันขนส่ง
นายอะบิจิตกล่าวต่อว่า การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดเพื่อขนส่งไอศกรีมในช่วงแรกจะมีต้นทุนที่สูงกว่าการใช้น้ำมัน แต่วอลล์เชื่อว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยในปีนี้จะเริ่มใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าจำนวน 2 คันในการขนส่งไอศกรีมจากโรงงานย่านลาดกระบังไปยังคลังสินค้าย่านบางนา ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่น้อยกว่า 86 ตันต่อปี
ตามแผนงานที่วางไว้ ในไตรมาส 1/2023 วอลล์มีแผนที่จะเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มปริมาณการบรรจุสินค้าในเที่ยววิ่งของรถ EV ทั้ง 2 คันให้บรรจุไอศกรีมได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า จากคันละ 15 ตันเป็นคันละ 28 ตัน และในไตรมาส 2/2023 รถบรรทุกไอศกรีมทุกคันที่วิ่งระหว่างโรงงานผลิตถึงคลังสินค้าจะเปลี่ยนเป็นรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อมุ่งสู่จุดหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้กว่า 322 ตันต่อปี
มุ่งสู่ Net Zero 2039
อย่างไรก็ตาม วอลล์ดำเนินงานตามแนวทาง Unilever Compass ที่มุ่งเน้นการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่กับการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุก EV ในการขนส่งไอศกรีมเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายของยูนิลีเวอร์
ซึ่งตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งของบริษัท ให้ได้ 40-50% ภายในสิบปีข้างหน้า โดยใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง เช่น Hydrogen fuel cell และ Battery Electric Vehicles (BEVs) และเร่งหาเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นพลังงานสะอาด ในการขนส่งผลิตภัณฑ์แช่เย็นและแช่แข็ง การใช้รถบรรทุก EV ขนส่งไอศกรีมของวอลล์ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานนี้
ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์มีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net zero emission) จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2039 โดยครอบคลุมการจัดหาวัสดุที่ใช้จนถึงจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และมุ่งมั่นทำให้สำเร็จก่อนเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในปี 2050 ซึ่งนอกจากการใช้รถบรรทุก EV ขนส่งไอศกรีมแล้ว วอลล์ยังได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของไอศกรีมจากถ้วยพลาสติกเป็นกระดาษ ซึ่งย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและช่วยลดการใช้พลาสติกได้ถึง 51 ตันในปี 2021 ที่ผ่านมา
“เราเชื่อว่าการกอบกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นความรับผิดชอบของทุกคน วอลล์จึงมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่ง ลดปริมาณขยะพลาสติกเพื่อรักษาแหล่งน้ำและระบบนิเวศ และเราพร้อมที่จะพัฒนาโครงการอื่น ๆ เพื่อรับมือกับสภาวะโลกร้อน ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ข้อ 12 แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
และข้อ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของผู้คนทั่วโลก วอลล์ขอขอบคุณผู้บริโภคทุกท่านที่ชื่นชอบไอศกรีมวอลล์ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้ารักษ์โลกและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปกับเรา” นายอะบิจิตกล่าว