“ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ดีไซน์บทบาทพี่ชายที่ไม่น่ารัก

GDH559 ส่ง “น้อง.พี่.ที่รัก.” ภาพยนตร์เรื่องแรกของปี 2018 เข้าฉาย ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ หลังจากปล่อยตัวอย่างและสร้างกระแสให้แฟนๆ รอคอยมาสักระยะ

“น้อง.พี่.ที่รัก” ภาพยนตร์โรแมนติก คอมเมดี้ ผลงานของผู้กำกับ บอล-วิทยา ทองอยู่ยง หนึ่งในผู้กำกับ “แฟนฉัน” นำแสดงโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ รับบทชัช ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบทเจน และ นิชคุณ หรเวชกุล รับบทโมจิ

ซันนี่รับบทพี่ชายตัวป่วนที่เซ็งกับชีวิตที่มีน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก เพราะเขาอยากมีน้องชาย ยิ่งไปกว่าความผิดหวังที่มีน้องสาวก็คือ น้องสาวคนนี้เปอร์เฟ็กต์ไปซะทุกอย่าง จนทำให้เขากลายเป็นตัวห่วยของบ้าน เวลาเดียวที่ชัชจะโชว์เหนือทำตัวเป็นพี่ ก็คือตอนที่มีคนมาจีบน้องสาว ชัชจะทำตัวกร่างไล่หนุ่ม ๆ ให้หนีหายไปหมด เป็นการเอาคืนน้องสาว

ในภาพยนตร์เรื่องก่อน ๆ ไม่ว่าซันนี่รับบทไหน เราก็เห็นตัวตนของเขาอยู่ในตัวละครตัวนั้น จนแยกไม่ออกว่าตกลงนั่นคือตัวละครที่เขียนมาเพื่อซันนี่ หรือซันนี่เป็นคนดีไซน์แคแร็กเตอร์ของตัวละครเอง

“ผมว่ามันมีความเป็นตัวเอง มันแค่ผ่านเรา มันเป็นสิ่งที่เรามีวิธีคิดของตัวละคร เพราะว่าบทมันไม่ได้เขียนมาเพื่อเราสักเรื่อง คนชอบคิดว่าบทเขียนมาให้ผม แล้วผมก็โผล่เข้ามาเล่นเลย แต่ส่วนมากผมแคสติ้งทั้งนั้นเลยครับ ฟรีแลนซ์ผมก็แคสติ้ง แล้วเราก็ดีไซน์มันขึ้นมา” เจ้าตัวไขข้อข้องใจ

สำหรับตัวละคร “ชัช” ใน “น้อง.พี่.ที่รัก.” ซันนี่บอกว่า ในแง่ทัศนคติของตัวละครไม่เหมือนตัวเขาเลย เพราะตัวละครตัวนี้มีความเลวทราม อย่างไรก็ตามหนังไม่ได้นำเสนอเพียงภาพด้านลบ แต่นำเสนอให้เห็นว่าตัวละครนี้มีเหตุผลอะไร และเป็นแบบนั้นเพราะอะไร

“ในแง่ความเป็นมนุษย์จริง ๆ คนเราทำอะไรมันต้องมีเหตุผล ผมก็อยากให้ตัวนี้เป็นคนแบบนี้ ต่อให้อะไรที่มันดูไม่ดี แต่ถ้ามันมีเหตุผล มันจะโอเคทันที ผมการันตีนะ ถ้าพี่-น้องสองคนนี้ ญาญ่ากับผมมาเล่าเรื่องเดียวกันให้คนอื่นฟัง นั่งอธิบายกัน คนจะเข้าข้างไม่ถูก เพราะแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง สรุปใครผิดวะ เราจะตัดสินเขาไม่ได้ เพราะว่ามันฟังขึ้นทั้งคู่”

ด้วยความที่ซันนี่เป็นคนดีไซน์ตัวละคร ไดอะล็อกต่าง ๆ ในหนังส่วนหนึ่งจึงมาจากการพูดแบบด้นสด ไม่ได้พูดตามบท ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกับบทนี้ แต่กับเรื่องก่อน ๆ ก็ด้วย

“ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าเมื่อเราเป็นตัวละครแล้ว เราทำอะไรก็ไม่ผิด เพราะพี่เอส (คมกฤษ ตรีวิมล-ผู้กำกับภาพยนตร์) เคยพูดกับผมเอง ผมเคยเถียงเขาในบทนึง

ผมบอกว่า ไอ้คนแบบนี้ไม่ทำอะไรอย่างนี้ พี่เอสเขาก็มองหน้าผมแล้วก็บอกว่า ‘ผมต้องเชื่อคุณสิ เพราะคุณเป็นตัวละคร’ แล้วเขาก็เดินไป หลังจากนั้นผมกระจ่างขึ้นมาว่า ก็เราเป็นคนนี้ มันจะผิดอะไร เพราะเราเข้าใจตัวละคร เราศึกษามาแล้วว่าอยากให้เขาเป็นอย่างไร ผมเคยสังเกตตัวเองเหมือนกันว่าเวลาจะไปเล่นหนัง หัวผมไม่ได้คิดเอาไว้เลยว่าจะพูดอะไร ทั้งที่ก่อนหน้านั้นอ่านบทนะ แต่พอไปเล่นแล้วมันหายไปไหนหมดไม่รู้ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง แล้วผมก็รู้สึกว่า ผมไม่ได้ใช้ความจำนี่หว่า มันเป็นการรีแอ็กต์ของตัวละครตัวนี้ เพราะว่าสิ่งนั้นเราเคยอ่านมาแล้ว แล้วมันก็อยู่ในนี้ (ชี้ที่ตัวเอง)”

ถามว่าถ้าในชีวิตจริงมีน้องสาว แล้วเจอเหตุการณ์แบบในหนัง จะทำอย่างไร พระเอกมาดกวนตอบอย่างจริงจังว่า จริง ๆ มันคือชีวิตของน้อง ไปห้ามเขาไม่ได้ จะพูดแค่สิ่งที่พูดได้

“แต่ว่าคนเราถ้าไม่รู้ด้วยตัวเอง เขาจะไม่ฟัง เขาจะปิดหู เขาจะอยากฟังเรื่องที่เขาอยากฟัง ถ้าเราจะทำมากกว่านั้นเราต้องหาวิธีมา ยกตัวอย่างครับ ตอนที่พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) พยายามคิดทุกเรื่องเพื่อหลอกนวพลให้เชื่อ พี่เก้งจะไม่ใช่มาโน้มน้าว แต่ต้องคิดซ้อน 3 ชั้นนะ หลอกให้เขาติดกับก่อน พูดให้เขาเชื่อก่อน แต่จริง ๆ คือแผนที่วางไว้แล้วเอาอีกเรื่องมาใส่ เพราะรู้ไงว่าคนนี้มันดื้อ ทำเป็นหลงคารมไปก่อน แล้วหลอกเขาอีกที (หัวเราะ) ขัดขวางเขาไม่ได้หรอกครับ ยิ่งขัดเขายิ่งหนี เชื่อเถอะมันคือชีวิตเขา ถ้าเขาหลงขนาดนี้ ทำไงอ่ะ ถ้าเขาจะพลาดต้องให้เขาพลาดเอง เพราะว่าคนเรามันมีช่วงตาสว่างเองแหละ แต่จะทันหรือไม่ทัน เขาตัดสินใจแล้วไง เราคงไปก้าวก่ายอะไรไม่ได้ มันคือประสบการณ์ของชีวิตเขา”

ในทางกลับกัน ถามว่าเคยเจอครอบครัวฝ่ายหญิงกีดกันไหม เขาบอกว่า

“จริง ๆ ผมไม่เคยกลัวเรื่องพวกนี้เลยนะ ผมมีความมั่นใจมากเวลาไปบ้านใคร ผมรู้สึกว่าคุยได้เกือบทุกคน เวลาคนบอกว่าไอ้นี่ไม่ชอบ ผมจะคิดในใจว่า รอเจอตัวจริงก่อน (ยิ้ม) ไม่รู้เอาความมั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน แต่ผมไม่เคยกลัวเลยอ่ะ เพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่ญาญ่าเคยพูดกับผมว่า ‘พี่เป็นคนดีไง’ ผมเลยเก๊กขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ก็เราไม่มีอะไรต้องแอบแฝง แล้วจะกลัวอะไร”

ให้บอกความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้

ซันนี่ยกคำพูดของเก้ง-จิระ มะลิกุล ผู้กำกับ นักเขียนบท และโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชื่อดัง ที่ว่า ภาพยนตร์มี 3 ระดับ คือ 1.ดูรู้เรื่อง 2.ดูสนุกแล้วชอบ 3.ดูแล้วเป็นสรณะในชีวิตได้ คือดูแล้วเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต ซึ่งพระเอกหนุ่มจอมกวนคิดว่าหนังเรื่องนี้มีครบทั้ง 3 ระดับ และอยากแนะนำให้ไปดูกัน