AOT ขึ้นค่าบริการผู้โดยสาร สนามบิน 6 แห่ง เริ่ม 1 เม.ย. 2567

อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ได้รับการออกแบบให้โปร่ง โล่ง
Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP

AOT ปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสาร สนามบินในความรับผิดชอบ 6 แห่ง 30 บาทต่อคน ให้เหตุผลนำระบบอัตโนมัติช่วยเช็กอิน-ตรวจตั๋ว-โหลดกระเป๋ามาใช้ ทำต้นทุนเพิ่ม

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) เปิดเผยว่า ตามที่ AOT ได้นําระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing Systems : CUPPS) มาให้บริการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

อันเป็นไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ความปลอดภัยในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น

ซึ่งสอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ที่ได้กำหนดนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศในการนำเทคโนโลยีระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) มาใช้ในสนามบินที่ให้บริการแก่สาธารณะ เพื่อพัฒนาการดำเนินการสนามบินสาธารณะให้มีความทันสมัย มีศักยภาพเทียบเท่าระดับสากลนั้น

ปัจจุบันการให้บริการระบบ CUPPS ประกอบด้วย

  1. บริการตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Terminal Equipment : CUTE) ที่เข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการของเคาน์เตอร์เช็กอิน เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการบริการบนมาตรฐานเดียวกันกับท่าอากาศยานระดับสากล
  2. บริการเช็กอินด้วยตัวเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service : CUSS) เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารไม่ต้องรอแถวเช็กอิน อีกทั้งยังสามารถเช็กอินล่วงหน้าเป็นเวลา 6-12 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (ตามเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน)
  3. บริการรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop : CUBD) สำหรับให้ผู้โดยสารสามารถโหลดสัมภาระได้ด้วยตนเอง

“การนําระบบ CUPPS มาให้บริการส่งผลให้มีต้นทุนอัตราค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น AOT จะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges : PSC) สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700 บาทต่อคน เป็น 730 บาทต่อคน

และค่า PSC สำหรับผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100 บาทต่อคน เป็น 130 บาทต่อคน โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป”

ทั้งนี้ ในกระบวนการพิจารณาการปรับปรุงค่า PSC ดังกล่าว AOT ได้เสนอสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อขออนุมัติหลักเกณฑ์เกี่ยวกับแนวทางการเรียกเก็บค่าบริการระบบ CUPPS ซึ่ง กพท. ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า การจะเรียกเก็บค่าบริการจากผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้ใช้บริการระบบ CUPPS อีกทั้งค่าบริการดังกล่าวเป็นค่าบริการที่เกี่ยวกับการบิน (Aeronautical charges)

ดังนั้น AOT จึงควรนำค่าบริการ CUPPS มาคำนวณรวมเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งของค่า PSC ตามมาตรา 56 (1) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศฯ เพื่อให้ถูกต้องตามประเภทของค่าบริการและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในบริการต่าง ๆ ที่สนามบินจัดทำขึ้น

กราฟฟิคอธิบายว่าค่า PSC คือ ค่าบริการผู้โดยสารขาออก
ที่มา : AOT

อีกทั้งเพื่อเรียกเก็บค่าบริการจากผู้โดยสารเพื่อประโยชน์ของผู้โดยสาร เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบินสำหรับผู้โดยสารตามความในมาตรา 60/37 ซึ่งเป็นเจตนารมณ์สำคัญในการที่ผู้ดำเนินงานสนามบินอนุญาตที่ให้บริการแก่สาธารณะสามารถเรียกเก็บค่า PSC ได้ โดยอัตราค่า PSC ที่ปรับเพิ่มดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเรียบร้อยแล้ว

ดร.กีรติกล่าวว่า สำหรับรายได้จากการจัดเก็บค่า PSC นั้น กฎหมายได้กำหนดให้ผู้บริหารท่าอากาศยานนำไปใช้ในการพัฒนาท่าอากาศยาน จัดหาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และการบำรุงรักษาด้านความปลอดภัยท่าอากาศยานให้เป็นไปตามมาตรฐานของท่าอากาศยานในระดับสากล

รวมทั้งการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในท่าอากาศยานทุกแห่ง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้โดยสารให้ได้รับความปลอดภัย และความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จัดไว้รองรับ

ทั้งนี้ การพัฒนาของท่าอากาศยานจะช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่ง AOT มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานต่าง ๆ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

AOT ปรับขึ้นค่า PSC
ที่มา : AOT