หลังจากที่ประเทศไทยถูกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปักธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย มาตั้งแต่กลางปี 2558 ขณะนี้ใกล้เวลาที่ไทยจะถูกปลดธงแดงแล้ว
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ ทาง ICAO น่าจะเข้ามาตรวจสอบ ICVM (ICAO Coordinated Validtion Mission) เพื่อปลดธงแดง ตามที่ กพท.ได้ยื่นขอไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
โดยภายในเดือนสิงหาคมนี้ กพท.จะสามารถออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ หรือ AOC Recertification ได้ทั้งหมด 10 สาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายการบินหลักๆ แทบทั้งสิ้น
ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์จ่อบินยุโรป
“ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์” ซีอีโอ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และกรรมการ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เล่าว่า ในปี 2561 นี้ “ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” เตรียมขยายฝูงบินและรับมอบเพิ่มเครื่องบินอีก 4-5 ลำ ขึ้นอยู่กับว่า กพท.จะปลดธงแดงได้เมื่อไหร่
หากปลายปีนี้ไทยปลดธงแดงสำเร็จในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าจะเปิดเส้นทางบินไป “ญี่ปุ่น” และ “เกาหลีใต้” โดยเส้นทางแรกน่าจะเป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-ซัปโปโร ซึ่งเคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้
จากนั้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า มีแผนจะเปิดให้บริการเส้นทางใหม่บินตรงแบบประจำสู่ยุโรป โดยมุ่งเจาะแถบยุโรปตะวันออก ซึ่งตั้งเป้าเปิดตัวทีเดียวพร้อมกันหลาย ๆ เมือง ซึ่งจากการศึกษาในเบื้องต้นอาจเป็นเส้นทางโปแลนด์-ภูเก็ต และรัสเซีย-อู่ตะเภา ไม่จำเป็นต้องบินเข้ากรุงเทพฯ (ดอนเมือง) เพียงอย่างเดียว
“ไทยแอร์เอเชีย” บุกหนักอินเดีย
ด้านแผนงานของไทยแอร์เอเชียนั้น “ธรรศพลฐ์” บอกว่า ได้วางกลยุทธ์ขยายเส้นทางบินใหม่สู่อินเดียเพิ่ม หลังจากเปิดตัว 2 เส้นทางในปลายเดือนกันยายนนี้ คือ กรุงเทพฯ-ชัยปุระ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และกรุงเทพฯ-ติรุจิรัปปัลลิ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์และหาก กพท.ดำเนินภารกิจปลดธงแดงสำเร็จ “ไทยแอร์เอเชีย” มีแผนไปเจรจาเรื่องสิทธิการบินกับหน่วยงานการบินพลเรือนฝั่งอินเดีย เพื่อเปิดเส้นทางบินเพิ่ม โดยเฉพาะเมืองใหญ่ อาทิ นิวเดลี บังคาลอร์ เป็นต้น
“อินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เราตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเส้นทางอินเดียจากปัจจุบันมี 3% ของรายได้ทั้งหมดเป็น 15% ใน 3 ปีข้างหน้า และเป็น 20% ในระยะยาว”
อีกทั้งยังเป็นการช่วยบาลานซ์ความเสี่ยงจากตลาดเส้นทางจีน ซึ่งปัจจุบันครองสัดส่วนสูงถึง 30% ของรายได้ทั้งหมด จากเส้นทางบินปัจจุบันสู่ 14 เมืองในประเทศจีน โดยในอนาคตจะทำให้มีสัดส่วนรายได้จากตลาดจีนและอินเดียอย่างละ 20% เท่ากัน
นอกจากนี้ในปี 2561 นี้ ไทยแอร์เอเชียมีแผนเพิ่มความถี่เที่ยวบิน และเปิดเส้นทางไปเมืองใหม่ในจีนด้วยเช่นกัน
ไลอ้อนแอร์เล็งบินญี่ปุ่น-เกาหลี
“อัศวิน ยังกีรติวร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการแข่งขันของสายการบินในประเทศไทยยังไม่ดุเดือดมากนัก เพราะติดปัญหาเรื่อง ICAO ซึ่งทาง กพท.อยู่ระหว่างการปลดธงแดง และคาดว่าน่าจะสำเร็จในเดือนตุลาคมนี้ และทันทีที่แก้ปัญหานี้ได้ ทุกอย่างจะกลับมาแข่งขันกันเหมือนเดิมโดยเฉพาะการแข่งขันเปิดเส้นทางบินและทำตลาดกันอย่างเต็มที่ โดยไทยไลอ้อนแอร์เองก็เตรียมเปิดให้บริการเส้นทางบินจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ญี่ปุ่น 3 จุดบิน ได้แก่ ฟุกุโอกะ โตเกียว (นาริตะ) และโอซากา (คันไซ) รวมถึงเกาหลีใต้ (อินชอน) และฮ่องกง ในปีหน้า
และในเดือนกันยายนนี้จะเปิดบินกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-บาหลี (เดนปาซาร์) วันละ 1 เที่ยวบิน จากนั้นในเดือนตุลาคมจะเปิดเส้นทางบินสู่ไต้หวันและอินเดีย โดยให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-ไทเป วันละ 1 เที่ยวบิน ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-มุมไบ และกรุงเทพฯ-โคชิ ความถี่ 3-5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ส่วนปี 2561 นั้นได้วางเป้าหมายผลักดันให้สนามบินอู่ตะเภา เป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ปฏิบัติการบินอีกแห่งของไทยไลอ้อนแอร์ โดยวางแผนรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 และ 737-900 มาประจำการที่ฮับอู่ตะเภา 5-10 ลำ เพื่อนำไปบินเส้นทางใหม่สู่เมืองต่าง ๆ ในประเทศจีน
จากปัจจุบันที่ให้บริการสู่เมืองจีนแล้ว 8 เส้นทางบิน ทั้งจากฐานบินที่ดอนเมือง เชียงใหม่ และเชียงราย
ไทยสมายล์เพิ่มความถี่จีน-อินเดีย
สำหรับสายการบินไทยสมายล์นั้น ก่อนหน้านี้ “วิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์” รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกว่า ได้เตรียมเปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-เกาสง (ไต้หวัน) เริ่มบิน 1 ตุลาคมนี้ ที่ความถี่ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเตรียมเปิดไปจุดบินใหม่ในประเทศจีนอีก 2 เมืองในเดือนธันวาคมนี้
ส่วนตลาดอินเดียนั้นจะเพิ่มความถี่เส้นทางบินไปชัยปุระ จาก 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และลัคเนา จาก 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยจะเริ่ม 29 ตุลาคมนี้
นอกจากนี้ยังเพิ่มความถี่เส้นทางบินที่มีอยู่แล้วในประเทศจีนด้วย อาทิ ฉงชิ่ง จาก 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์, ฉางซา จาก 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์,ฯลฯ ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้เพื่อต้อนรับวันชาติของจีน
“นิวเจน” ปูพรมเอเชียตะวันออก
ขณะที่ “เจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์” ซีอีโอสายการบินนิวเจน บอกว่า กพท.กำลังเตรียมมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ให้กับสายการบินนิวเจน ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ ICAO กำหนด
และหลังจากได้ใบ AOC ใหม่แล้ว “นิวเจน” มีแผนเพิ่มเส้นทางการบินครอบคลุมเอเชียตะวันออก โดยจะเริ่มเจาะตลาด “เมียนมา” เป็นแห่งแรก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีแผนเปิดให้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำในช้วงต้นปีหน้า โดยคาดว่าจะเริ่มบุกไปที่ตลาดซาอุดีอาระเบีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน รวมถึงประเทศอินเดียด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นแผนงานเชิงรุกของบรรดาผู้ประกอบการสายการบินในประเทศไทยที่เตรียมไว้รองรับหากประเทศไทยได้รับการปลด “ธงแดง” ในปลายปีนี้ และแน่นอนว่าการแข่งขันของธุรกิจสายการบินจะยิ่งดุเดือดยิ่งขึ้นแน่นอน…