ศบค. เห็นชอบอนุญาต “6 กลุ่มบุคคล” เดินทางเข้าประเทศไทย

สนามบิน ดอนเมือง
สนามบินดอนเมือง (แฟ้มภาพ)

ที่ประชุมใหญ่ ศบค. มีมติเห็นชอบข้อเสนอให้อนุญาต กลุ่มบุคคล 6 ประเภท ให้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทย จากประเทศกลุ่มเป้าหมาย ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยบางกลุ่มอาจได้รับการร่นระยะเวลากักตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ที่ประชุมใหญ่ ศบค. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในที่ประชุม ได้มีมติอนุมัติข้อเสนอ “ผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟส 5” ซึ่งนอกจากจะอนุญาตให้กิจการหลายประเภทกลับมาเปิดได้แล้ว ยังได้เห็นชอบแนวทางกำหนดให้บุคคลอีก 6 กลุ่ม สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ จากประเทศกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณา

ในเบื้องต้น นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ระบุว่ากำลังพิจารณา 4 ประเทศ และ 1 เขตปกครองพิเศษได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง ซึ่งจะต้องเป็นประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อไทย  ควบคุมการระบาดของโรคได้ดีใกล้เคียงกับไทย และมีความพร้อมด้านสาธารณสุข

ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 6 กลุ่มนี้ จะต้องผ่านการตรวจคัดกรองเพื่อยืนยันว่าไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โรคโควิด-19 ก่อนเดินทางเข้าประเทศ และจะเริ่มจากประเทศกลุ่มเป้าหมายซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยจะมุ่งเน้นที่กลุ่มนักลงทุน และมีการกำหนดโควตาให้สอดคล้องกับจำนวนสถานที่กักกันทางเลือกสำหรับผู้ที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งในขั้นต้นอาจกำหนดจำนวนคนรวม 200 คนต่อวัน

6 กลุ่มบุคคลที่ ศบค. เห็นชอบให้เข้าประเทศไทย

โฆษก ศบค. แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอนุญาตให้บุคคล 6 กลุ่ม เดินทางเข้าประเทศไทยได้ ซึ่งแบ่งเป็น 6 กลุ่มดังนี้

1. คู่สมรสและบุตรของผู้มีใบอนุญาตหรือได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ทำงานในราชอาณาจักร

2. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร

3. คู่สมรสต่างชาติและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้มีสัญชาติไทย

4. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยที่มีความจำเป็นต้องเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยและผู้ติดตาม

5. นักเรียน นักศึกษาต่างชาติ และผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว

6. ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement) กับประเทศเป้าหมาย

โดยสำหรับบุคคลกลุ่มที่ 4 นั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ไม่ได้หมายความถึงผู้ป่วยโรคโควิด-19 แต่อย่างใด แต่เปิดการเปิดรับผู้ป่วยที่ต้องการเข้ามารักษาโรคต่างๆ ในประเทศไทยซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์แห่งหนึ่งของโลก และถือเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (medical tourism) อีกด้วย

สำหรับการเดินทางเข้า-ออกของชาวต่างชาติส่วนดังกล่าว จะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

1.นอร์มอล แทร็ก (Normal Track) เป็นผู้ที่เข้ามาทำงานและอาศัยอยู่ในไทยเป็นระยะเวลานาน และต้องกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่กักกันทางเลือกและยินยอมเสียค่าใช้จ่ายเอง

2.ฟาสต์ แทร็ก (Fast Track) ซึ่งเป็นกรณีนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของไทย เดินทางเข้าระยะสั้น (ต่ำกว่า 14 วัน) โดยร่นระยะเวลาการกักตัว และต้องมีเงื่อนไขอย่างเข้มงวดมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมใหญ่ ศบค. เห็นชอบข้อเสนอในวันนี้แล้ว อันดับต่อไปจะนำเรื่องเข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (30 มิ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563