ผลสอบสวนชี้อากาศเลวร้ายเป็นสาเหตุให้เครื่องบินแทนซาเนียดิ่งลงทะเล ชาวประมงและอาสาสมัครช่วยชีวิตผู้โดยสารส่วนหนึ่งไว้ได้
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานความคืบหน้าเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินพาณิชย์ดิ่งจมในทะเลสาบวิกตอเรีย (Lake Victoria) ประเทศแทนซาเนีย ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตอย่างน่าสะเทือนใจ 19 ราย รวมถึงกัปตัน 2 รายที่รอดในตอนแรก แต่ลงเอยสลด
ลำเกิดเหตุเป็นเที่ยวบิน PW494 บรรทุกผู้โดยสาร 39 คน รวมถึงทารกคนหนึ่ง และมีลูกเรือ 4 คนประสบเหตุเมื่อเวลา 08.53 น. วันอาทิตย์ที่ 6 พ.ย. จังหวะที่นักบินพยายามนำเครื่องลงจอดท่ามกลางพายุและฝนที่กระหน่ำอย่างหนัก และทัศนวิสัยเป็นอุปสรรค จนเครื่องไปไม่ถึงสนามบินบูโกบา ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ดิ่งลงไปในทะเล
ตอนนั้นมีชาวประมง หน่วยกู้ภัย และอาสาสมัครจำนวนมากรุดไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อจะรีบช่วยผู้โดยสารที่ติดอยู่ข้างใน ชาวบ้านหลายคนพยายามช่วยกันดึงเชือกที่คล้องตัวเครื่องบินเพื่อดึงเข้ามาให้ใกล้ฝั่ง โดยใช้เครนมาช่วยยก
ด้านนักบิน 2 คนบนเครื่องติดต่อกับหน่วยกู้ภัยจากห้องนักบินเพื่อหาทางช่วยผู้โดยสาร แต่ต่อมาอากาศในห้องนักบินค่อย ๆ หมดลง จนกัปตันทั้งสองสิ้นใจในนั้นก่อนที่ทีมกู้ภัยจะเข้าไปถึง มีเพียงพนักงานต้อนรับ 2 คนที่รอดชีวิต รวมผู้โดยสารที่ได้รับความช่วยเหลือและรอดชีวิต 24 คน
ต่อมาวันจันทร์ที่ 7 พ.ย. คาสซิม มาจาลิวา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีศพผู้เคราะห์ร้าย โดยมีประชาชนหลายร้อยคนเข้าร่วมที่สนามเมืองบูโกบา มีพิธีทั้งคริสต์และอิสลาม ท่ามกลางความโศกเศร้า ผู้สูญเสียพากันร่ำไห้
ระหว่างพิธี ข้าหลวง อัลเบิร์ต ชาลามิลา กล่าวยกย่องอาสาสมัครที่ไปช่วยผู้ประสบเหตุจนช่วยคนไว้ได้หลายชีวิต นอกจากนี้ ยังมอบเงิน 1 ล้านแทนซาเนียชิลลิง หรือราว 16,000 บาท และเสนอตำแหน่งงานในสำนักงานดับเพลิงและกู้ภัยให้ชาวประมงที่บาดเจ็บเพราะเข้าไปช่วยผู้โดยสารในเครื่อง
เช่นเดียวกับประธานาธิบดี ซาเมีย ซูลูฮู ฮัสซัน กล่าวชื่นชมหน่วยกู้ภัยและอาสาสมัครที่ช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุไว้ได้ พร้อมสวดภาวนาให้ผู้ที่จากไป
ด้านบีบีซีรายงานคำให้สัมภาษณ์ นาย มาจาลิวา แจ๊กสัน ชาวประมงที่รุดไปช่วยผู้ประสบเหตุเครื่องบินลำนี้คนแรก ๆ จนได้รับการยกย่องเป็นฮีโร่ว่า ตัวเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด
นายแจ๊กสันให้สัมภาษณ์จากโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษา ว่าเห็นเครื่องบินลำนี้ตั้งแต่นาทีบินผิดทิศทางจนกระทั่งดิ่งลงไปในทะเลสาบ จากนั้นตนและเพื่อนชาวประมงอีก 3 คนจึงรีบเข้าไปยังที่เกิดเหตุ ตอนนั้นกัปตันบนเครื่องยังสื่อสารเป็นสัญลักษณ์ได้จากหน้าต่างเครื่องบิน
“เขาบอกให้ผมพังกระจก ผมจึงขึ้นจากน้ำไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสนามบิน แล้วกลับมาที่เครื่องบินอีกครั้ง พยายามจะพังกระจกให้แตก โดย รปภ.ส่งขวานให้ แต่มีเสียงประกาศว่า ตอนนั้นน้ำยังไม่ได้รั่วเข้าไปในห้องนักบิน” ชาวประมงหนุ่มกล่าว และว่า
หลังจากนั้นเขาจึงหยุดและว่ายกลับมาที่ตรงหน้าต่างนักบินโบกมือให้ แต่นักบินส่งสัญญาณว่ายังคงต้องการความช่วยเหลือ
“เขาชี้ให้ผมไปยังประตูฉุกเฉินของห้องนักบิน ผมจึงว่ายไปด้านหลังและเอาเชือกมัดกับประตู เพื่อจะดึงให้ประตูเปิดออก แต่เชือกขาดและฟาดเข้าที่หน้าผมจนผมสลบไป มารู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว” แจ๊กสันกล่าว ก่อนจะได้รับทราบข่าวเศร้าว่านักบินทั้งสองเสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย