เปเล่ ราชันวงการลูกหนัง ถอดบทเรียนชีวิตนักเตะระดับตำนานของบราซิล

เปเล่ ราชันลูกหนัง
(Photo by Miguel Schincariol / AFP)

“เปเล่” ชื่อที่แฟนบอลทุกคนต้องรู้จัก ชายผู้นี้ได้รับการขนานนามว่า “นักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา” เขาสิ้นลมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ขณะอายุ 82 ปี นับจากป่วยมานาน

อาการทรุดหนักระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อิสราเอไลต์ นครเซาเปาโล ประเทศบราซิล ตรงกับช่วงที่แฟนฟุตบอลจดจ่อกับการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ประเทศกาตาร์

ข่าวนี้ทำให้คนทั่วโลกต่างสวดภาวนาให้กับตำนานนักฟุตบอลบราซิลอาการดีขึ้น กระทั่งช่วงเวลาของการจากลามาถึงในที่สุด

นอกจากนักฟุตบอลและแฟนบอลนานาชาติต่างส่งสารไว้อาลัย King of Football ราชันวงการลูกหนัง และ the greatest footballer of all time นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เจ้าของสถิติผู้ทำประตู 1,281 ประตูในการลงเล่น 1,363 นัดเป็นบุรุษเดียวที่ชนะถ้วยฟุตบอลโลกสามครั้งในปี 1958, 1962 และ 1970

ตำนานชีวิตและเรื่องราวต่าง ๆ ของเปเล่จะยังคงเป็นที่ศึกษาต่อไป

อะไรที่ทำให้ชายผู้นี้กลับมาลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้ง เมื่อเขาถูกเล่นงานจนล้มลงกับพื้น ?

อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาฝืนความเจ็บปวดภายในร่างกาย และกลับลงสู่สนามฟุตบอลได้อย่างรวดเร็ว ?

คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้คือสิ่งที่คุณต้องพบเจอเองจึงจะเชื่อ… เมื่องานของคุณไม่ได้เป็นเพียงแค่งาน แต่เป็นองค์ประกอบที่นิยามตัวตนของคุณ และเมื่อคุณได้รับความพึงพอใจที่มีพลังเหนือความเจ็บปวด

ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้ และคุณเพียงแต่ก้าวต่อไป

เปเล่ ชีวิตที่เริ่มจากศูนย์ ก่อนกลายเป็นฮีโร่

เปเล่ มีชื่อจริงว่า “เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซิเมนโต” เกิดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี 1940 พ่อของเขาเป็นนักฟุตบอลที่ต้องเกษียณตัวเองเพราะขาหัก

เปเล่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความยากจน เขาเคยรับจ้างขัดรองเท้าเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว

เด็กชายผู้นี้หลงใหลในกีฬาฟุตบอล และมีพรสวรรค์อย่างมาก เขาเคยเล่นในสโมสรเยาวชนท้องถิ่นมาก่อน

เมื่ออายุได้ 11 ปี ฝีมือของเขาเกิดไปเตะตา “วัลเดอมาร์ เดอ บริโต้” นักเตะในลีกสูงสุดของบราซิล

มีการกล่าวว่า บริโต้ถึงกับออกตัวกับคณะกรรมการในสโมสรฟุตบอลซานโตสว่า เปเล่จะเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแน่นอน

ไม่ว่าบริโต้จะเชื่อตามที่ตัวเองพูดในเวลานั้นหรือไม่ เรื่องนี้ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรอีกแล้ว

เปเล่พิสูจน์ตัวเองกับสโมสรซานโตสในขณะมีอายุเพียง 16 ปี เขาสามารถทำประตูได้ในการแข่งขันหลักนัดแรกที่พบกับสโมสรโครินเธียนส์

โลกเริ่มให้ความสนใจกับเขา เมื่อเขามีอายุ 17 ปี และสามารถยิงได้ 6 ประตูในศึกฟุตบอลโลกปี 1958 พาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรก

หลังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หลายสโมสรเริ่มแสดงความสนใจในตัวเปเล่ บราซิลจึงประกาศให้นักฟุตบอลดาวเด่นผู้นี้เป็นสมบัติของชาติ ซึ่งเป็นการห้ามเปเล่ไม่ให้ไปเล่นให้กับสโมสรหรือองค์กรที่ไม่ใช่ของบราซิล

เปเล่เป็นดาวเด่นเมื่ออยู่ในสนาม ด้วยโครงร่างที่สูงถึง 5 ฟุต 8 นิ้ว และความว่องไวที่ทำให้เขาโผล่ไปทั่วทั้งสนามอย่างรวดเร็ว เท้าที่คล่องแคล่วของเขาเลี้ยงบอลอย่างเชี่ยวชาญ

นอกจากจะได้รับคำชมจากการออกบอลที่เหนือชั้นและลูกเตะที่ทรงพลังแล้ว เปเล่ยังได้รับคำชื่นชมจากลูกโหม่งอันทรงพลังของเขาอีกด้วย

ในปี 1962 เปเล่ไม่สามารถลงเล่นร่วมกับทีมของเขาในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการแข่งขันนัดแรกของทัวร์นาเมนต์ อย่างไรก็ตาม ในปี 1970 เปเล่ก็ยังสามารถพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 ได้

ในการทำประตูที่ 100 ของบราซิลในศึกฟุตบอลโลก เปเล่ใช้หัวโหม่งลูกฟุตบอล ซึ่งเป็นวิธีที่พ่อของเขาเชี่ยวชาญ

มีรายงานว่าเขาทำเฮดชอตถึง 5 ประตูในเกมเดียว ซึ่งนับเป็นเรื่องพิเศษสำหรับเขา

ตารางคะแนนของเปเล่น่าทึ่งมาก โดยรวมแล้วนักเตะระดับปรมาจารย์ผู้นี้ได้ประตูได้มากถึง 1,280 ประตู เป็นรองแค่ “อาเธอร์ เฟรเดนริช” นักเตะชาวบราซิลอีกคน ที่ทำได้ 1,329 ประตู

โดยเฉลี่ยแล้ว เปเล่ทำได้ประมาณ 1 ประตูในทุกเกมระดับนานาชาติ อีกทั้งยังทำสถิติ 92 แฮตทริก และ 97 ประตูในเกมระหว่างประเทศ

สถิติของเขานั้นสูงสุดตลอดกาล

หลังจากเลิกเล่นฟุตบอล เปเล่ก็กลับมาเล่นอีกครั้งในช่วงสั้น ๆ เป็นเวลา 2 ปี เพื่อโปรโมตฟุตบอลในอเมริกาเหนือ เขาเล่นให้กับฟุตบอลลีกในอเมริกาเหนือเพื่อดึงดูดให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนหันมาให้ความสนใจต่อความงดงามในการแข่งขันฟุตบอล

เขายังเล่นในเกมกระชับมิตรระหว่างคอสมอสกับซานโตส โดยเล่นให้กับทีมเก่าในช่วงครึ่งแรก และเล่นกับอีกทีมในช่วงครึ่งหลัง

เขาใช้ความนิยมของตัวเองเพื่อเผยแพร่ข้อความแห่งความรักและสันติภาพในหมู่แฟนบอล โดยให้แฟนบอลตะโกนคำว่า “รัก รัก รัก” ในระหว่างการแข่งขันนัดกระชับมิตร

เปเล่ใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาความนิยมของฟุตบอล เขาเขียนหนังสืออัตชีวประวัติ หรือแม้แต่แสดงในภาพยนตร์สารคดีและกึ่งสารคดีหลายเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฟุตบอล หรือชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของเขา

ในช่วงสุดท้ายของอาชีพนักฟุตบอล เปเล่ยังได้โชว์ทักษะการแสดง การเล่นดนตรี และความสามารถอื่น ๆ เพื่อโปรโมตการเล่นฟุตบอล

บทเรียนจากเรื่องราวของเปเล่

สำหรับใครที่ได้อ่านชีวประวัติของเปเล่จะได้พบกับเรื่องราวของความสำเร็จ แต่น้อยคนนักที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการแข่งขัน และการออกจากสนามทั้งน้ำตา เพียงเพื่อที่จะกลับมาด้วยร่างกายที่ดีกว่าสำหรับนัดต่อไป

นี่คือน้ำใจนักกีฬาของเขา

โลกฟุตบอลยังคงส่งกำลังใจให้นักเตะระดับตำนาน ซึ่งอาการป่วยทรุดหนัก และกำลังเดินทางเข้าสู่การดูแลช่วงสุดท้ายของชีวิต ผู้ซึ่งลงสนามด้วยความหลงใหลในกีฬา มากกว่าชื่อเสียงและเงินทอง

อีกหนึ่งบทเรียนที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเรื่องราวของเปเล่คือ “กุญแจแห่งความสำเร็จคือการเดินตามเสียงหัวใจของตัวเอง”

อีกบทเรียนคือ คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่ไม่เคยพบกับความล้มเหลว แต่เป็นคนที่ยอมรับความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และเดินหน้าต่อไป

ผู้ใหญ่ที่พยายามบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ต้องเป็นเหมือนเด็กหัดเดินที่ไม่กลัวการล้ม และจะลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม เพื่อพยายามเดินอีกครั้ง ทีละก้าว