G20 Summit 2023 การประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของโลก ณ ประเทศอินเดีย จบลงไปโดยมี 2-3 เรื่องที่ถูกไฮไลต์
เรื่องแรกคือ การรับ “สหภาพแอฟริกา” (African Union) เข้าเป็นสมาชิกถาวรของ G20 เรื่องที่สองคือ แถลงการณ์ต่อกรณีรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งมีการประณามการใช้กำลังเพื่อผลประโยชน์เหนือดินแดน แต่ไม่วิพากษ์วิจารณ์รัสเซียโดยตรง ทำให้ยูเครนไม่พอใจ และอีกเรื่องคือ การลดทอนความยิ่งใหญ่ของจีนในงานนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าพันธมิตรชาติตะวันตก
- กรมอุตุฯเตือน 6-12 พ.ค.นี้ ลมเปลี่ยนทิศ-แปรปรวน ฝนตกหนัก ท่วมฉับพลัน
- ศุภวุฒิ สายเชื้อ : แบงก์ชาติเป็นหน่วยงานรัฐ กฎหมายไม่มีคำว่า “อิสระ”
- เปิดราคา Trade In “iPad” ก่อนเปิดตัวรุ่นใหม่ ลดสูงสุด 23,200 บาท
นอกจากการอยู่ในดงขั้วตรงข้ามที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ความยิ่งใหญ่ของจีนถูกบดบังแล้ว งานนี้บารมีและความยิ่งใหญ่ของจีนก็ถูกทำให้ลดน้อยลงโดยจีนเอง เนื่องจาก “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” ผู้นำสูงสุดของประเทศไม่ได้ไปร่วมประชุม แต่ส่ง “นายกฯหลี่ เฉียง” ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในเวทีโลกไปแทน
ขณะที่ “อินเดีย” คู่แข่งรายสำคัญของจีน ซึ่งเป็นประธาน-เจ้าภาพจัดการประชุม G20 ปีนี้ “ได้หน้า” อย่างเต็มที่ ในฐานะ “ผู้ประนีประนอม” ที่เจรจาดึงทุกฝ่ายมารวมตัวพูดคุยกันได้ ซึ่งทำให้อินเดียได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากชาติสมาชิก และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าอินเดียมีบทบาทเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South) ที่ทั้งฝั่งตะวันตกและจีนต้องการมีอิทธิพลครอบงำ
ฝั่งจีนเรียกได้ว่าโดน “จัดหนัก” นอกจากโดนตอบโต้โดยการทำข้อตกลงด้านโครงสร้างพื้นฐานระหว่างสหรัฐกับประเทศในเอเชียกลาง (ซึ่งก่อนหน้านี้จีนขยายอิทธิพลเข้าไปผ่านโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ Belt abd Road Initiative) แล้ว จีนยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาติตะวันตกทั้งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป โดยที่นายกฯหลี่ เฉียง ไม่ได้ตอบโต้เหมือนอย่างที่ประธานาธิบดีสีเคยทำ
สหรัฐได้ประกาศข้อตกลงกับอินเดีย สหภาพยุโรป ซาอุดีอาระเบีย อิสราเอล และประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง เพื่อพัฒนาเครือข่ายทางรถไฟและการเดินเรือทั่วภูมิภาค ซึ่งไบเดนยกย่องว่าเป็น “การลงทุนระดับภูมิภาคที่เป็นตัวพลิกเกม” โดยประสานข้อตกลงด้วยการจับมือสามทาง ประกอบด้วย ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับโมดี นายกฯอินเดีย และมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย
แม้ว่าสหรัฐปฏิเสธว่าดีลนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบโต้อิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นในอ่าวเปอร์เซีย แต่ทางการฝรั่งเศสก็ยอมรับว่า โครงการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับโครงการ Belt and Road ของสี จิ้นผิง ซึ่งฝรั่งเศสมองว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
อีกการประชุมที่ถูกมองว่ามีความก้าวหน้าอย่างมากในการประชุมสุดยอด G20 ครั้งนี้ คือ ไบเดนประชุมหารือกับประธาน “เวิลด์แบงก์” ประธานาธิบดีบราซิล และประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มบริกส์ (BRICS) เกี่ยวกับความพยายามในการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมให้กับประเทศกำลังพัฒนา
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป (EU) หลายคนกล่าวว่า จีนทำตัวเอง ด้วยการออกห่างจากการประชุมสุดยอด G20 ทำให้อินเดียสามารถประสานความเป็นผู้นำในโลกใต้ได้ และทำให้สหรัฐและยุโรปมีเส้นทางที่ชัดเจนในการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศตลาดเกิดใหม่
นอกจากนั้น ในระหว่างการประชุม “ริชี ซูนัค” นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวหาว่า จีนขัดขวางความคืบหน้าในการบรรลุแถลงการณ์ร่วม เนื่องจากในช่วงหนึ่งของการประชุม จีนได้ยกประเด็นการเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นมาถกในการอภิปรายเรื่องการดำเนินการด้านสภาพอากาศ และนั่นทำให้ “เจค ซัลลิแวน” ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งเป็นคนที่สนับสนุนการควบคุมการส่งออกชิปของสหรัฐไปยังจีน ประณามแนวคิดของจีนที่จะจับเอา “สภาพอากาศ” เป็นตัวประกัน ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
หลังประชุม G20 ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ของสหรัฐ ออกเดินทางไปเยือนเวียดนาม และเมื่อถึงเวียดนาม เขากล่าวถึงจีนว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจลดแนวโน้มที่รัฐบาลจีนจะรุกรานไต้หวัน เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศทำให้ประธานาธิบดีจีน “มีงานเต็มมือ”
“ผมต้องการเห็นจีนประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจ… แต่ผมอยากเห็นพวกเขาประสบความสำเร็จตามกฎเกณฑ์” ไบเดนกล่าวเหน็บจีน
ด้านความเคลื่อนไหวจากฝั่งจีน หลังการประชุมจบลง ไม่มีรายงานว่าหลี่ เฉียง ได้ตอบโต้อย่างมีนัยสำคัญ
แต่หลังจากที่กลุ่มคลังสมอง (think tank) ในจีนวิพากษ์วิจารณ์อินเดียว่า “บ่อนทำลายบรรยากาศความร่วมมือ” โดยการผลักดันเฉพาะประเด็นของตัวเอง สำนักข่าวซินหัวก็ได้รายงานข่าวว่า ทางการจีนเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ได้กล่าวกับบรรดาผู้นำในการประชุมว่า กลุ่ม G20 “ต้องการความสามัคคี แทนที่จะเป็นการแบ่งแยก ต้องการความร่วมมือ แทนที่จะเผชิญหน้า”
คำพูดของนายกฯหลี่ เฉียง ยังคงเน้นย้ำใจความสำคัญที่จีนย้ำเสมอมาก่อนหน้านี้ว่า จีนไม่ต้องการให้โลกเกิดความแตกแยก ไม่ต้องการให้มีการแบ่งขั้ว เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐที่ยืนยันว่า สหรัฐก็ไม่ได้ต้องการแบ่งขั้วกับจีน แต่การกระทำของทั้งสองฝ่ายที่ตอบโต้กันไปมานั้น ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันกับคำพูด
- สหรัฐ-เวียดนามยกระดับความสัมพันธ์ ดีลการค้า-ลงทุนเพียบ ไบเดนปฏิเสธไม่ได้ทำร้ายจีน
- จีนเอาคืนขั้นหนัก เพิ่มคำสั่งห้ามใช้ iPhone ไปถึงรัฐบาลท้องถิ่น-รัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ
- “ไบเดน” ห้ามบริษัทสหรัฐลงทุน 3 ด้านในจีน ป้องกันภัยความมั่นคง
- จีนแบนชิป Micron จากสหรัฐ อ้างความมั่นคง คาดรายได้หายปีละ 3,388 ล้านดอลลาร์