อียู แถลง วัคซีนโควิด “แอสตร้าเซนเนก้า” ไม่ได้ทำให้เกิด “ลิ่มเลือด”

วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า

องค์กรยาของสหภาพยุโรป (EMA) ยืนยัน วัคซีนโควิดของ “แอสตร้าเซนเนก้า” ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ แต่ละประเทศยังคงสามารถฉีดวัคซีนนี้ต่อไปได้

วันที่ 12 มีนาคม 2564 สำนักข่าวบีบีซีรายงาน องค์กรยาของสหภาพยุโรป (EMA) ระบุว่า วัคซีนโควิดของบริษัท “แอสตร้าเซนเนก้า พีแอลซี” (AstraZeneca Plc.) ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ

องค์กรยาของสหภาพยุโรปแถลงการณ์ว่า สัดส่วนผู้ที่มีอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ ในประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน ไม่ได้มีมากกว่าสัดส่วนของผู้ที่มีอาการนี้ในประชาชนทั่วไป

การแถลงการณ์นี้ ตามมาหลังจากหลาย ๆ ประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) อย่าง เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ระงับการฉีดวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนก้าชั่วคราว หลังมีการรายงานว่า มีประชาชนกลุ่มหนึ่ง เกิดอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ ยังมีการรายงานว่าผู้ชายชาวอิตาลีอายุ 50 ปี เสียชีวิตลง จากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) หลังฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าไปได้ 1 โดส

องค์กรยาของสหภาพยุโรปยังระบุด้วยว่า ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่า อาการเหล่านี้ เป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยยังคงสามารถฉีดวัคซีนนี้ต่อไปได้ ขณะที่ตอนนี้กำลังสืบสวนกรณีของการเกิดลิ่มเลือดขึ้น

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า มีผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีน 30 คนที่มีอาการซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (thromboembolic events) จากทั้งหมด 5 ล้านคนในอียูที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

เช่นเดียวกับ หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสหราชอาณาจักร (MHRA) กล่าวว่า ยังคงไม่มีหลักฐานว่า วัคซีนสร้างผลข้างเคียงดังกล่าว และประชาชนทุกคนยังสามารถได้รับการฉีดวัคซีนต่อไปได้

โดยตอนนี้ สหราชอาณาจักร (ยูเค) มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่า 11 ล้านโดส