
องค์กรยาของสหภาพยุโรป (EMA) ยืนยัน วัคซีนโควิดของ “แอสตร้าเซนเนก้า” ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ แต่ละประเทศยังคงสามารถฉีดวัคซีนนี้ต่อไปได้
วันที่ 12 มีนาคม 2564 สำนักข่าวบีบีซีรายงาน องค์กรยาของสหภาพยุโรป (EMA) ระบุว่า วัคซีนโควิดของบริษัท “แอสตร้าเซนเนก้า พีแอลซี” (AstraZeneca Plc.) ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
- หุ้นกู้ออกใหม่เดือน ธ.ค. บริษัทแห่ระดมทุน จูงใจจ่ายดอกเบี้ยสูง 7%
องค์กรยาของสหภาพยุโรปแถลงการณ์ว่า สัดส่วนผู้ที่มีอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ ในประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน ไม่ได้มีมากกว่าสัดส่วนของผู้ที่มีอาการนี้ในประชาชนทั่วไป
การแถลงการณ์นี้ ตามมาหลังจากหลาย ๆ ประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) อย่าง เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ระงับการฉีดวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนก้าชั่วคราว หลังมีการรายงานว่า มีประชาชนกลุ่มหนึ่ง เกิดอาการลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานว่าผู้ชายชาวอิตาลีอายุ 50 ปี เสียชีวิตลง จากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) หลังฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าไปได้ 1 โดส
องค์กรยาของสหภาพยุโรปยังระบุด้วยว่า ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่า อาการเหล่านี้ เป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยยังคงสามารถฉีดวัคซีนนี้ต่อไปได้ ขณะที่ตอนนี้กำลังสืบสวนกรณีของการเกิดลิ่มเลือดขึ้น
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า มีผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีน 30 คนที่มีอาการซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (thromboembolic events) จากทั้งหมด 5 ล้านคนในอียูที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
เช่นเดียวกับ หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสหราชอาณาจักร (MHRA) กล่าวว่า ยังคงไม่มีหลักฐานว่า วัคซีนสร้างผลข้างเคียงดังกล่าว และประชาชนทุกคนยังสามารถได้รับการฉีดวัคซีนต่อไปได้
โดยตอนนี้ สหราชอาณาจักร (ยูเค) มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่า 11 ล้านโดส