สื่อนอกหลายสำนักสะกดชื่อเมืองหลวงยูเครนในสองรูปแบบ ‘Kyiv’ และ ‘Kiev’ ทว่าความต่างทั้งสองแฝงนัยยะความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนอย่างชัดเจน
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างยูเครนกับรัสเซีย หากใครที่ติดตามข่าวสถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครนจากสื่อต่างประเทศ จะพบว่าชื่อเมืองหลวงยูเครนในภาษาอังกฤษ นั้นถูกพบเขียนเป็นสองรูปแบบคือ Kiev และ Kyiv
- กรมอุตุฯเตือน 6-11 พ.ค.นี้ ฝนตกหนักหลายพื้นที่ รวมกทม.และปริมณฑล
- ธ.ก.ส. เผย สินเชื่อดอกเบี้ยล้านละร้อย เหลือวงเงินกู้อีก 1.5 หมื่นล้าน
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
สื่อหลายสำนักอ่านออกเสียงว่า “เคียฟ” แต่แท้จริงแล้ว คนท้องถิ่นยูเครนไม่ได้ออกเสียงเรียกเมืองหลวงของตนว่าเคียฟ แต่ออกเสียงว่า “กือยีฟ” หรือ Kyiv (kee-yiv) ซึ่งเขียนภาษายูเครนว่า Київ ซึ่งเป็นการทับศัพท์จากอักษรซีริลลิกรัสเซีย
เนื่องจากรากภาษารัสเซียและภาษายูเครนมาจากกลุ่มภาษาสลาฟ ดังนั้นคำว่า Київ ในภาษายูเครนจะออกเสียงว่า “กือยีฟ” แต่ในภาษารัสเซียอ่านออกเสียงว่า “เคียฟ”
แม้อาจดูเหมือนทั้งสองคำอาจไม่ต่างกันมากนัก หากเป็นในแง่การออกเสียงรูปแบบภาษาอังกฤษ ทว่าทั้งสองคำมีความหมายลึกซึ้งและมีบริบททางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงถึงความยัดแย้งของทั้งสองชาติในขณะนี้
ย้อนกลับไปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 คำว่า Kyiv มาจากชื่อของราชวงศ์กือย์ (Kyi) ตามพงศาวดารพื้นบ้านของชาวสลาฟตะวันออก พี่น้องสามคนชื่อ Kyi, Shchek และ Khoryv แห่งราชวงศ์กือย์ได้ก่อตั้งเมือง Kyiv ตั้งแต่ช่วงยุคกลางราชวงศ์นี้มีสถานะเป็นเจ้าผู้ครองรัฐขนาดเล็กภายใต้อาณัติของซาร์ดอมแห่งรัสเซีย
เดอะการ์เดียนรายงานว่า คำว่า “เคียฟ” เพี้ยนมาจาก กือยีฟ ซึ่งเป็นชื่ออาหารที่ปรุงจากไก่คลุกกับไข่และเกล็ดขนมปังแล้วนำไปทอดหรืออบและกลายเป็นคำเรียกชื่อเมืองหลวงยูเครนที่ชาติตะวันตกนิยมเรียกกันมาตั้งแต่ประมาณ 50 ปีก่อนซึ่งเป็นความพยายามของรัสเซียเพื่อกลืนวัฒนธรรมยูเครน
ฐบาลเครมลินพยายามสร้างความเป็นอัตลักษณ์หนึ่งเดียวกัน ผ่านการใช้ภาษารัสเซีย เมืองหลวงแห่งนี้จึงถูกเรียกติดปากและรู้จักเรื่อยมาว่า “เมืองเคียฟ” แม้กระทั่งหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย
ยูเครนได้รับเอกราชในปี 1991 รัฐบาลยูเครนสายนิยมรัสเซียในช่วงแรกยังคงใช้ภาษาราชการตามแบบรัสเซีย ทว่าช่วงหลังที่ยูเครนมีรัฐบาลชุดใหม่สายนิยมตะวันตก เริ่มออกกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ของชาติมากขึ้น
เอกสารราชการ ป้ายในสนามบิน พจนานุกรมที่ทับศัพท์เป็นภาษายูเครนมากขึ้น เอกสารราชการของรัฐเปลี่ยนที่เขียนทับศัพย์ภาษาอังกฤษเปลี่ยนจาก Kiev เป็น Kyiv ตรงข้ามกับสื่อตะวันตกและนานาชาติที่ยังคงใช้การสะกดรูปแบบเก่าจากยุคโซเวียตว่า “เคียฟ”
แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ตัวสะกดชื่อเมืองหลวงในยูเครนจึงเปลี่ยนเป็นภาษายูเครนมากขึ้น ทั้งป้ายต่างๆ ในที่สาธารณะ เอกสารราชการ สนามินและพจนานุกรมภูมิศาสตร์
ปี 2018 กระทรวงการต่างประเทศยูเครน เปิดตัวแคมเปญ # CorrectUA เพื่อส่งเสริมการสะกดคำอย่างเป็นทางการของสถานที่สำคัญของประเทศโดยเฉพาะเมืองหลวงที่รณรงค์ให้นานาชาติเขียนว่า Kyiv อันเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลยูเครนสายนิยมตะวันตกในความพยายามที่จะก้าวต่อไปจากอภิธานศัพท์ในภาษารัสเซีย
อันดรี สมิธเนียก อาจารย์ภาษายูเครน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์กล่าวว่าเมื่อพบคนใหม่ๆ ตนจะออกเสียงชื่อพวกเขาในแบบที่พวกเขาอยากได้ยินในภาษาของเขา ดังนั้น จึงควรจะออกเสียงว่า กือยีฟ ให้ใกล้เคียงกับสำเนียงชาวยูเครนให้มากที่สุด ชาวยูเครนหลายคนถือว่าเป็นสัญลักษณ์ถึงความเคารพในภาษาและตัวตนของพวกเขา
สาเหตุที่เกิดความแตกต่างระหว่าง 2 คำนี้เชื่อมโยงกับวิวัฒนาการด้านภาษาศาสตร์มานานหลายร้อยปีในภูมิภาคนี้ซึ่งตกอยู่ภายใต้จักรวรรดิมองโกล ลิทัวเนีย โปแลนด์ และอาณาจักรรัสเซียในช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา
ภาษารัสเซียและยูเครนอยู่ในกลุ่มภาษาสลาฟตะวันออกทั้งคู่ (ส่วนกลุ่มภาษาสลาฟตะวันตก เช่น ภาษาโปแลนด์ และกลุ่มภาษาสลาฟใต้ เช่น บัลแกเรีย
ด้าน รศ.โมนิกา ไวท์ อาจารย์ด้านรัสเซียและสลาฟนิกศึกษา มหาวิทยาลัยนอตติงแฮมของอังกฤษกล่าวว่าภาษาเหล่านี้มาจากรากเดียวกัน แต่แปรผันไปตามการใช้ภาษา
ยุคปัจจุบัน ภาษายูเครนได้รับอิทธิพลจากภาษาโปแลนด์ สระหลายตัวในภาษายูเครนออกเสียงไม่เหมือนภาษารัสเซียซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เช่น คำว่า “time” (เวลา) ก็ออกเสียงต่างกันในสำเนียงชาวเมลเบิร์นในออสเตรเลีย ชาวมิดเดิลส์เบรอในอังกฤษและชาวมิสซิสซิปปีในสหรัฐ
ภาษายูเครน มีอักษรหลายตัวที่มีเอกลักษณ์ทางสัทศาสตร์ เช่น ตัวอักษร ї ในคำว่า Київ และยังมีคำศัพท์อีกหลายคำซึ่งคนพูดภาษารัสเซียออกเสียงยาก
ไม่น่าแปลกใจ ที่รัฐบาลยูเครนเริ่มรณรงค์เมื่อ 4 ปีที่แล้วเพื่อให้นานาชาติอนุมัติชื่อเมืองหลวงให้ถูกต้องตามสำเนียงเจ้าของภาษา จนมีแฮชแท็กยอดนิยมใน Twitter ว่า #KyivNotKiev
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตรัสเซียยูเครนที่ลุกลามบานปลายกลายเป็นสงคราม เป็นที่สังเกตว่าสื่อหลักฝั่งตะวันตกเริ่มเปลี่ยนไปใช้คำว่า Kyiv ในการรายงานสถานการณ์ยูเครนมากขึ้น