อาเซียน-อินเดีย ผนึกจุดแข็ง พลังประชากรหนุ่มสาว

“อินเดีย” ถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญของโลก และภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “นเรนทรา โมดี” ก็มีหลายนโยบายเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจหรือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้มีการค้าเสรีมากขึ้น

ขณะเดียวกันอาเซียนก็มีประเทศตลาดเกิดใหม่จำนวนมาก ดังนั้นการสร้างสัมพันธ์อย่างรอบด้านกับแดนภารตจึงถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ ด้วยจำนวนประชากรระหว่าง 2 ฝ่ายที่รวมกันเกือบ 2 พันล้านคน และจำนวนประชากรอายุน้อยที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นข้อได้เปรียบที่จะเห็นได้ชัดในอนาคต

ผนึกกำลัง “อินเดีย-อาเซียน”

ในงานประชุมสุดยอด “อินเดีย-อาเซียน ยูธ ซัมมิท 2017” เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำอินเดีย “มาเรีย เทอเรสิตา ซี. ราซา” กล่าวถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายว่า ปีนี้ครบรอบ 25 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ซึ่งมีความสัมพันธ์กันทั้งในด้านการค้า ลงทุน ท่องเที่ยว

“อาเซียนเป็นคู่ค้าที่มีสัดส่วนถึง 10% ของการค้าอินเดีย ขณะที่อินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 7 ของอาเซียน การค้าระหว่างกันคิดเป็นมูลค่ามากถึง 7.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ในปี 2014-2015 และตกลงมาเล็กน้อยเป็นมูลค่า 6.5 หมื่นล้าน ในปี 2016-2017” ทูตฟิลิปปินส์กล่าว

นอกจากนี้ยังมองว่า “อาร์เซ็ป” (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) จะสามารถช่วยปกป้องโลกจากการกีดกันทางการค้าได้ โดยหวังว่าปลายปี 2017 นี้ ข้อตกลงพหุภาคี (Multi Bilateral) น่าจะบรรลุผล

ที่น่าสนใจคือ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวมีความตกลงด้านเศรษฐกิจและเกษตรกร และด้านเอสเอ็มอี ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญของทั้งอาเซียนและอินเดีย

จุดแข็งประชากรอายุน้อย

ทูตฟิลิปปินส์ระบุว่า ที่สำคัญกว่านั้นคือในเอเชียมีสัดส่วนประชากรหนุ่มสาวถึง 45% หรือประมาณ 700 ล้านคน ซึ่งอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรหนุ่มสาวมากที่สุดในโลกขณะนี้ และคาดการณ์ว่าประชากรช่วงอายุ 10-24 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 34.33% ในปี 2020 ขณะที่อาเซียนในหลายประเทศก็มีสัดส่วนประชากรวัยแรงงานเป็นหลัก เช่น ฟิลิปปินส์ที่ประชากรมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 23 ปีเท่านั้น

แม้ว่านี่จะเป็นข้อดีกว่าภูมิภาคอื่น แต่ทูตมาเรียกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม หนุ่มสาวในเอเชียยังคงเผชิญความท้าทายต่าง ๆ อยู่มาก เช่น ประชากรอายุน้อยจำนวนกว่า 220 ล้านคน ยังเข้าไม่ถึงการศึกษาและไม่มีงานทำ โดยมีประชากรวัยแรงงานถึง 36 ล้านคนที่ไม่มีงานทำ และอีกราว 180 ล้านคนยังมีชีวิตอยู่อย่างยากจนที่สุด

ชำแหละโอกาสและอุปสรรค

นอกจากนี้ ทูตมาเรียกล่าวเพิ่มเติมถึงโอกาสของอาเซียนและอินเดียว่า อาเซียนเป็นตลาดที่กำลังซื้อคึกคัก เป็นแหล่งทรัพยากรมนุษย์ที่น่าสนใจ ประชากรใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว ปีที่ผ่านมามีการเติบโตทางเศรษฐกิจราว 5% และมีการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการสร้างห่วงโซ่มูลค่าอย่างแข็งขันภายในภูมิภาค

ด้านอินเดียมีโอกาสที่ดีจากตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีแรงงานราคาถูก และระบอบประชาธิปไตยและกฎหมายที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเผชิญความท้าทายในแง่มุมต่าง ๆ อาเซียนเผชิญหน้าความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์

ขณะที่ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มมากขึ้น การเกิดขึ้นของภัยธรรมชาติ และการรุกเข้ามาของจีน ขณะที่อินเดีย ความท้าทายสำคัญคือความยากลำบากในการทำธุรกิจในประเทศอินเดีย ที่ยังไม่เปิดกว้างสำหรับต่างชาติ รวมไปถึงปัญหาความแตกแยกทางเชื้อชาติและการเมืองด้านเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำอินเดีย “ลิ้ม ทวน กวน” กล่าวว่า สิ่งสำคัญระหว่าง 2 ภูมิภาคคือการเชื่อมโยง (Connectivity) ทั้งในเรื่องการเดินทาง การค้า และคน นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ การเชื่อมโยงภายในอาเซียน ในการทำให้ทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มองไปข้างหน้าร่วมกันในฐานะรัฐเดี่ยว (Single State) ให้ได้

“ไทย” ต้องมีอาเซียน

“ถ้าประเทศไทยไม่มีอาเซียน ประเทศไทยจะไม่มีอะไรเลย” เอกอัครราชทูตไทยประจำอินเดีย “ชุตินทร คงศักดิ์” กล่าวขึ้นก่อนอธิบายว่า ปัจจุบันอินเดียสนใจการค้าร่วมกับไทย เพราะไทยคือประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวม 10 ประเทศกว่า 620 ล้านคน

“ประเทศไทยประเทศเดียวมีขนาดเล็กเกินไป ในการที่จะไปเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนสินค้า และอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของโลก”

ขณะที่ประเทศอินเดียก็มีการเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้น อย่างในปี 1957 อินเดียมีการผลิตรถยนต์ภายในประเทศ ซึ่งได้บริษัทอังกฤษมาช่วยออกแบบ ที่ไม่เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน แต่ในปี 2014 ก็ยกเลิกข้อผูกมัดต่าง ๆ และตอนนี้เปิดเสรีเต็มตัวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค

“เราอาจคิดว่าในประเทศอาเซียนมีความแตกต่างกันมาก แต่จริง ๆ แล้วเรามีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่าง ที่แชร์กันได้ในฐานะสังคมเดียวกัน เช่น เราสามารถเรียนรู้จากสิงคโปร์ ในเรื่องการสร้างเมือง การดูแลสังคม แม้ว่าสิงคโปร์จะเล็กแต่มีประสิทธิภาพมาก และถ้าทุกประเทศทำได้แบบสิงคโปร์ อาเซียนจะน่าอยู่มาก รวมถึงแต่ละเมืองในอินเดียด้วย ถ้าทำได้เช่นสิงคโปร์ จะกลายเป็นสวรรค์เลยทีเดียว”