“ภัยแล้ง” อินโดฯ ทำผลผลิต “เมล็ดกาแฟ” หด หวั่นราคาพุ่ง

สำนักข่าวจาการ์ตาโพสต์รายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งใน “อินโดนีเซีย” กำลังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ เนื่องจากส่งผลให้การเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟในปีหน้าให้ผลผลิตน้อยลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี

ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยกาแฟโรบัสตา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำกาแฟเอสเพรสโซ่และกาแฟสำเร็จรูป ส่วนใหญ่เพาะปลูกในตอนใต้ของเกาะสุมาตราที่กำลังประสบภัยแล้ง ขณะที่กาแฟอาราบิก้าเพาะปลูกกันบริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตราและเกาะชวา

โมลีโยโน โซซิโล (Moelyono Soesilo) หัวหน้าแผนกแปรรูปกาแฟชนิดพิเศษของสมาคมอุตสาหกรรมและผู้ส่งออกกาแฟอินโดนีเซียประเมินว่า ความแห้งแล้งจะส่งผลให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟของอินโดนีเซียลดลงเหลือเพียง 10 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 60 กิโลกรัม) ในเดือน เม.ย. 2020 จาก 11.5-12 ล้านกระสอบในปีนี้ ซึ่งนับว่าเป็นผลผลิตที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011-2012 ตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐ

โซซิโลยังระบุเพิ่มเติมว่า ภัยแล้งครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง โดยปริมาณฝนน้อยมากในจังหวัดลัมปุง หนึ่งในสามของจังหวัดที่มีการผลิตกาแฟสูงที่สุดในอินโดนีเซีย โดยพื้นที่ราบลุ่มน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วยผลผลิตที่ลดลงราว 40% ในปีหน้า เนื่องจากต้นกาแฟขาดน้ำและการออกดอกล้มเหลว

ขณะที่พื้นที่ลุ่มของจังหวัดเบงกูลูและจังหวัดสุมาตราใต้ก็เผชิญสภาพอากาศแห้งด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตในปีหน้าอาจต้องเลื่อนออกไปจากเดือน เม.ย.-พ.ค. เป็นเดือน มิ.ย. ส่วนพื้นที่ราบสูงจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า

ทั้งนี้ จังหวัดลัมปุง เบงกูลู และสุมตราใต้ ได้รับการขนานนามว่า “สามเหลี่ยมทองคำแห่งกาแฟ” เนื่องจากเป็นพื้นที่เพาะปลูกกาแฟหลักมากกว่า 70% ของทั้งประเทศ ภัยแล้งครั้งนี้จึงอาจส่งผลให้ต้นทุนของกาแฟเอสเพรสโซ่เพิ่มสูงขึ้นในอินโดนีเซีย