ก่อนหน้านี้บรรดานักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตลอดช่วงเวลาราว 30 ปีที่ผ่านมา เหยื่อล่อแมลงสาบที่มีส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคสที่มนุษย์คิดค้นขึ้น ได้ทำให้แมลงสาบจำนวนหนึ่งมีวิวัฒนาการเพื่อเอาชีวิตรอด โดยรู้จักหลีกเลี่ยงไม่กินอาหารรสหวานอีกต่อไป
ปัจจุบันแมลงสาบที่มียีนกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้ประสาทสัมผัสที่รับรสหวานกลายเป็นรู้สึกขมเมื่อลิ้มลองน้ำตาลนั้น ได้มีวิวัฒนาการก้าวไปอีกขั้นในเรื่องของพฤติกรรมทางเพศ ซึ่งการปรับตัวนี้ช่วยส่งเสริมโอกาสในการอยู่รอดและแพร่พันธุ์ได้ดีกว่าแมลงสาบที่มีพันธุกรรมแบบดั้งเดิม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ผลการศึกษาล่าสุดจากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาสเตต (NCSU) ของสหรัฐฯ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the Royal Society B พบว่าแมลงสาบตัวผู้ที่ไม่ติดรสหวาน สามารถหลอกล่อตัวเมียที่มีรสนิยมแบบเดียวกันด้วยของเหลวชนิดพิเศษ พร้อมทั้งจู่โจมอย่างรวดเร็ว จนมีโอกาสผสมพันธุ์ได้สำเร็จมากกว่าแมลงสาบที่ยังกินน้ำตาลกลูโคสอยู่หลายเท่า
ตามปกติแล้วแมลงสาบตัวผู้จะหลั่งของเหลวรสหวานจากต่อมใต้ปีกเอาไว้บนหลัง เพื่อล่อให้ตัวเมียเข้ามาลิ้มลองและจะฉวยโอกาสนี้ผสมพันธุ์ทันที ซึ่งการจับคู่บรรเลงเพลงรักอาจดำเนินไปได้นานถึง 90 นาที
ส่วนประกอบหลักของน้ำหวานที่แมลงสาบตัวผู้ใช้หลอกล่อตัวเมียนั้น เดิมได้แก่น้ำตาลมอลโทสซึ่งจะย่อยสลายกลายเป็นกลูโคสด้วยน้ำลายในปากของตัวเมียได้อย่างรวดเร็ว
แต่การทดลองสังเกตพฤติกรรมของแมลงสาบเยอรมันหลายร้อยตัวในห้องปฏิบัติการ พบว่าแมลงสาบที่ไม่กินหวานจะจับคู่เฉพาะกับพวกเดียวกันเท่านั้น โดยตัวผู้จะผลิตของเหลวที่ไม่หวานให้เป็นอาหารของตัวเมียด้วย
ของเหลวชนิดพิเศษดังกล่าวคือมอลโทไตรโอส (maltotriose) น้ำตาลที่มีโครงสร้างโมเลกุลซับซ้อน ซึ่งจะสลายตัวกลายเป็นสารให้ความหวานได้ช้ามาก โดยต้องใช้เวลานานถึง 5 นาที กว่าที่เอนไซม์ในน้ำลายของแมลงสาบตัวเมียจะย่อยมันให้เป็นน้ำตาลมอลโทสและสามารถรับรู้ถึงรสชาติที่แท้จริงได้
ด้วยเหตุนี้ แมลงสาบตัวผู้ที่ไม่กินหวานจึงมีโอกาสสูงกว่า ในการจับตัวเมียที่มัวอ้อยอิ่งกินของเหลวบนหลังตัวผู้มาผสมพันธุ์ได้สำเร็จ โดยที่ตัวเมียไม่ผละหนีไปเสียก่อน
แมลงสาบตัวผู้ที่ไม่ติดรสหวานยังจู่โจมตัวเมียอย่างรวดเร็ว โดยสามารถตวัดอวัยวะเพศเข้าในร่างกายของตัวเมียได้ภายในเวลาเพียง 2.2 วินาที หลังจากตัวเมียไต่ขึ้นกินของเหลวบนหลัง ซึ่งนับว่ารวดเร็วกว่าแมลงสาบพวกที่กินน้ำตาล 1.2 วินาที ทำให้แมลงสาบไม่กินหวานประสบความสำเร็จในการแพร่พันธุ์ถึงกว่า 60% ในขณะที่แมลงสาบอีกพวกมีโอกาสทำได้สำเร็จราว 50% เท่านั้น
ทีมผู้วิจัยกล่าวสรุปว่า “ถึงแม้วิวัฒนาการด้านประสาทรับรสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วรุ่น จะทำให้แมลงสาบที่ไม่กินน้ำตาลกลูโคสต้องพบข้อจำกัดในการจับคู่ผสมพันธุ์ แต่พวกมันก็มีการปรับตัวด้านพฤติกรรมทางเพศมาชดเชย จนทำให้ประสบความสำเร็จในการแพร่พันธุ์ได้ในที่สุด”
- หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว