ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังต้องลุ้นว่าเป็นของพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย “สุทิน คลังแสง” นักการเมืองรุ่นใหญ่เพื่อไทย เปิดสเป็ก ต้องมีประสบการณ์ เก๋าเกม หากเป็นหมอชลน่านต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค
วันที่ 20 มิถุนายน 2566 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์และตอบคำถาม เรื่องโควตาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 ตำแหน่งว่า “เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลต้องคุยกัน ไม่มีพรรคการเมืองอื่น ในการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งของพรรคเพื่อไทย เท่าที่พูดคุยมีตัวเลือกที่มาก ซึ่งตามกลไกของพรรคจะหาข้อสรุปได้ไม่ยาก”
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- ปิดทุกสาขาตั้งแต่วันนี้ “อร่อยดี” ร้านอาหารไทยจานด่วน ในเครือ CRG
สำหรับสเป็กของตำแหน่งดังกล่าว นายสุทินเปิดเผยว่า “สเป็กของรองประธานสภา ที่พรรคเพื่อไทยจะคัดเลือก เท่าที่คุยคือ ประสบการณ์ ต้องเป็น ส.ส.และอยู่ในสภาพอสมควร และมีวุฒิภาวะ เพราะคนที่เป็นประธาน รองประธานหากมีวุฒิภาวะไม่ได้จะยุ่ง”
“ผมมองว่า 2 ข้อนั้นสำคัญ ส่วนที่มีคนระบุว่าให้คัดเลือกบุคคลที่ได้มาตรฐานอย่างนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภานั้น ผมมองว่าต้องยึดมาตรฐานดังกล่าว แต่บุคลิกอาจจะไม่เท่า เพราะคนหนุ่มที่แม่นข้อบังคับสามารถทำได้” นายสุทินกล่าว
ต่อข้อถามถึงกระแสที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีชื่อเป็นแคนดิเดตประธานสภาด้วย นายสุทินกล่าวยอมรับว่า “คิด ๆ กันไว้ หาก นพ.ชลน่านได้เป็นประธานสภา ต้องพิจารณาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะประธานต้องเป็นกลาง แต่ไม่ใช่เรื่องยาก กลไกของพรรคเพื่อไทยทำได้ และมีตัวเลือกเยอะ”
นายสุทินกล่าวถึงความชัดเจนต่อการแบ่งโควตาประธานสภาว่า เป็นการพูดคุยในระดับคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ว่า ประธานสภาจะเป็นของพรรคก้าวไกล และตามที่ข่าวระบุว่าพรรคเพื่อไทยยกตำแหน่งประธานสภาให้พรรคก้าวไกลนั้น เพราะเพื่อไทยต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้า ดังนั้น พรรคเพื่อไทยพร้อมถอดสลักเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้าได้ ไม่ต้องติดขัด ไม่เช่นนั้นจะติดขัดเดินหน้าไปไม่ได้
เมื่อถามว่าประเด็นของก้าวไกลต่อความพยายามผลักดันร่างกฎหมายที่สังคมมองว่ามีปัญหา ดังนั้น หากประธานสภาเป็นของก้าวไกลจะทำให้เกิดชนวนวุ่นวายทางการเมืองหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ประธานสภาไม่สามารถผลักดันอะไรได้ด้วยตนเอง ทั้งการบรรจุวาระ ต้องคำนึงถึงข้อบังคับและฟังเสียงของ ส.ส. ประธานสภาต้องถูกกำกับและถ่วงดุลของ ส.ส.
เมื่อถามย้ำว่าเพื่อไทยมองว่าแม้ยกตำแหน่งประธานสภาให้พรรคก้าวไกล ก็ไม่ใช่คนคุมเกมเบ็ดเสร็จหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่าเรามองอย่างนั้น และยังมองว่าตำแหน่งประธานสภาไม่สามารถคิดตามใจตนเองได้ ต้องยึดกรอบของข้อบังคับ
นายสุทินกล่าวด้วยว่า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดจะเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกันในวันที่ 22 มิถุนายน 2566 การประกาศรับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คนมีความรอบคอบ แม้จะมีข่าวว่ามี ส.ส. 82 คนที่ยังรอตรวจสอบจาก กกต.อีกครั้ง โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทยมี ส.ส.ที่คาดว่าจะถูกตรวจสอบ 20 คน นั้นตนไม่กังวล เพราะเป็นเรื่องร้องเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การติดตั้งป้ายหาเสียงใกล้หน่วยเลือกตั้ง การติดตั้งป้ายผิดที่ไม่ใช่เป็นเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง และ ส.ส.ทุกคนที่ปรากฏชื่อพร้อมเข้าสู่กระบวนการชี้แจง