ไทยประกันชีวิตขานรับประกาศ ERM คปภ. ชูระบบบริหารจัดการความเสี่ยงรองรับยุคดิจิทัล

ไทยประกันชีวิตขานรับประกาศ ERM คปภ. ชูระบบบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพขับเคลื่อนองค์กร พร้อมรับมือภัยคุกคามทุกรูปแบบ ครอบคลุมภัยคุกคามด้านเทคโนโลยี สร้างความมั่นใจแก่ผู้เอาประกันและพันธมิตร

นายเคียน ฮิน ลิม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Group Chief Financial Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทประกันชีวิต หรือประกาศ ERM (Enterprise Risk Management) เพื่อรองรับสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ทั้งด้านการดำเนินธุรกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงภัยคุกคามที่มาพร้อมกับนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ FinTech (Financial Technology) และเทคโนโลยีประกันภัย หรือ InsurTech (Insurance Technology) ในรูปแบบต่างๆ

โดยบริษัทแบ่งการบริหารความเสี่ยงออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ 1.การบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ 2.การบริหารความเสี่ยงด้านการเงิน และ 3.การบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน ซึ่งการบริหารความเสี่ยงในทุกด้านจะคำนึงถึงความต้องการของผู้เอาประกันและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ และจัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ทำหน้าที่กำกับดูแลความเสี่ยงภายในองค์กร กำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยง สำหรับระบบงานที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งคณะทำงานสำหรับความเสี่ยงที่สำคัญ อาทิ คณะทำงานการประกันภัยต่อ คณะทำงานบริหารงานในภาวะภัยพิบัติ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน บริษัทมีนโยบายส่งเสริมให้บุคลากรภายในองค์กรได้รับทราบถึงแนวทางการบริหารความเสี่ยงผ่านการปฏิบัติงานร่วมกันภายในหน่วยงานต่างๆ โดยได้จัดทำคู่มือและกำหนดโปรแกรมการฝึกอบรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ และในแต่ละปีจะเพิ่มความเข้มข้นของกิจกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อสร้างวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงภายในบริษัท รวมถึงการจัดทำแผนรองรับการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องและแผนบริหารงานในภาวะภัยพิบัติ โดยทดสอบการจำลองสถานการณ์ภัยคุกคามอย่างเต็มประสิทธิภาพเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 2550 การเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ปฏิบัติการชั่วคราวสำหรับรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติ การเตรียมความพร้อมโปรแกรมทดสอบการกู้คืนระบบเต็มรูปแบบ พร้อมติดตามตรวจสอบการประยุกต์ใช้แนวทางในเชิงปฏิบัติ และประสิทธิผลของระบบการบริหารความเสี่ยงองค์กร เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า หากเกิดภัยคุกคามต่างๆ บริษัทยังคงสามารถให้บริการได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้แก่ผู้เอาประกันและผู้เกี่ยวข้อง และสร้างความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯ และธุรกิจประกันชีวิตอีกด้วย

ประกอบกับบริษัท มีนโยบายดำเนินการตามมาตรฐานของ ISO และพัฒนาระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันภัยแห่งแรกของประเทศ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 22301 เมื่อปี 2557 โดยได้มีการวิเคราะห์เชิงบริบทองค์กรให้ครอบคลุมการบ่งชี้ภัยคุกคาม 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสังคม ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านสภาพแวดล้อม และด้านการเมือง นอกจากนี้ยังได้พัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ ในการจัดทำแผนการบริหารธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัทฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

“บริษัทตระหนักว่าการบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นรากฐานสำคัญต่อการบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพในการดำเนินธุรกิจ และยังช่วยสร้างระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้กับองค์กร นอกจากนี้ การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิผล จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายทั้งในเชิงกลยุทธ์และในเชิงการปฏิบัติการ สอดคล้องกับพันธกิจหลักของการดำเนินธุรกิจ คือการมุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาระบบและกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง” นายเคียน ฮิน ลิมกล่าว