ชี้กาแฟ-ไม้ประดับ-แก้วมังกรไทย สบช่องรุดตลาดโลกด้วย FTA

กรมเจรจาฯ นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจสินค้าเกษตรศักยภาพจังหวัดเลย ทั้ง กาแฟ ไม้ประดับ และแก้วมังกร หลังเห็นศักยภาพ พร้อมจะพาบุกตลาดโลกด้วย FTA

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 – 13 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการสินค้าเกษตรจังหวัดเลย เพื่อหารือเรื่องโอกาส และช่องทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสินค้าเกษตรของไทย โดยกลุ่มแรก เป็นกลุ่มแปลงใหญ่ไม้ดอกไม้ประดับบ้านแก่งไฮ ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ ปลูกต้นคริสตมาส ไม้ใบ ไม้มงคล ไม้ฟอกอากาศ ไม้จิ๋ว ส่งขายทั่วประเทศ ซึ่งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กลุ่มต้องปรับตัวเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์และเฟซบุ๊ก ประสบความสำเร็จด้วยดี

อย่างไรก็ดี เนื่องจากผู้บริโภคไม้ดอกไม้ประดับมักจะให้ความนิยมพันธุ์ใหม่ๆ ไม้ดอกที่มีสีสันที่โดดเด่นสวยงาม หลากหลาย ไม้ใบที่ทรงสวย ลำต้นที่แข็งแรง และต้านทานโรคได้ดี เป็นต้น เกษตรกรจึงเห็นความสำคัญและต้องการได้รับการสนับสนุนด้านการวิจัยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อการขยายพันธุ์ต้นกล้าที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีหน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยเข้าไปให้คำแนะนำแล้ว

นอกจากนี้ แม้ในปัจจุบัน เกษตรกรจะเน้นขายในประเทศแต่ก็มีความสนใจที่จะขยายกำลังการผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งจะสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ได้ เพราะ 17 ประเทศที่ไทยมี FTA ด้วย ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับไม้ดอกไม้ประดับส่งออกจากไทยแล้ว ยังเหลืออินเดียที่ยังคงเก็บภาษีศุลกากรกับไม้ดอกที่ 60% และไม้ประดับที่ 30% โดยปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกไม้ดอกไม้ประดับ อันดับที่ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 16 ของโลก มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 124.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสหรัฐอเมริกา อาเซียน (ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สปป ลาว) ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และจีนเป็นตลาดส่งออกหลัก

นางอรมน กล่าวอีกว่า กรมฯ ยังได้พบปะเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกกาแฟในจังหวัดเลยด้วย พร้อมกับจัดสัมมนา เรื่อง “รอบรู้ตลาดการค้าเสรี สร้างแต้มต่อกาแฟไทยขยายตลาดส่งออก” โดยเชิญผู้ผลิตกาแฟ วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จากอำเภอภูเรือ อำเภอนาแห้ว และอำเภอเมือง เข้าร่วมหารือกับผู้แทนกรมฯ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พาณิชย์จังหวัดเลย และเกษตรจังหวัดเลย เป็นต้น

ซึ่งเห็นพ้องกันว่า การพัฒนากาแฟไทยให้ได้คุณภาพ สร้างจุดแข็งจากอัตลักษณ์ความพิเศษของกาแฟไทยจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กาแฟไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งผู้ประกอบการยังสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดกาแฟไทยสู่ตลาดโลก

ทั้งนี้ ในปี 2564 ไทยส่งออกกาแฟดิบ กาแฟคั่ว และกาแฟสำเร็จรูปไปตลาดโลกรวมมูลค่า 103.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ เป็นตลาดสำคัญ ปัจจุบัน 14 ประเทศคู่ FTA (อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ชิลี) ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเมล็ดกาแฟจากไทยทุกรายการแล้ว

ยกเว้น 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น (กาแฟคั่ว 10-12%) จีน (เก็บภาษีกาแฟไม่ได้คั่วทั้งที่แยกและไม่ได้แยกกาเฟอีน และกาแฟคั่วที่ไม่ได้แยกกาเฟอีน 5%) เปรู (กาแฟคั่วและไม่คั่ว 6-11%) และอินเดีย (กาแฟคั่ว 100%) ทั้งนี้ ญี่ปุ่น ได้ตกลงทยอยลดภาษีเพิ่มเติมภายใต้กรอบความตกลง RCEP ให้ไทยในสินค้ากาแฟคั่วโดยจะลดจนเหลือศูนย์ ในปี 2580 ด้วย

พร้อมกันนีั กรมฯยังได้ลงพื้นที่พบปะกลุ่มผู้ปลูกแก้วมังกร ไร่พ่อจอม ซึ่งจังหวัดเลยถือเป็นจังหวัดที่ปลูกแก้วมังกรมากที่สุดในประเทศไทย

โดยในปี 2564 ไทยส่งออกแก้วมังกรไปตลาดโลกกว่า 1.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (51 ล้านบาท) ขยายตัวจากปี 2563 ถึง 23% โดยมีเมียนมา รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต และสปป.ลาว เป็นตลาดส่งออกสำคัญ ซึ่งหลังจากที่ไทยและซาอุดีอาระเบียกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันแล้ว น่าจะเป็นโอกาสดีของการขยายตลาดแก้วมังกรไปยังตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นด้วย

โดยแก้วมังกรไร่พ่อจอมเน้นทำเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีตกค้างที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค รวมทั้งได้รับเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าจาก Global GAP และ GAP จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยแล้ว ซึ่งเกษตรกรกลุ่มผู้ส่งออกแก้วมังกร สามารถใช้ประโยชน์จาก FTA เจาะตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากประเทศที่ไทยมี FTA ด้วยส่วนใหญ่ ได้แก่ อาเซียน (ยกเว้นมาเลเซีย ยังเก็บภาษีที่ 5%) จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับแก้วมังกรส่งออกจากไทยแล้ว เหลือเกาหลีใต้ที่ยังเก็บภาษี 36%