โรงงานสมุทรปราการ ลดค่าจ้าง-ค้างจ่ายตั้งแต่ปี 63 กสร.สั่งชดเชย 19 ล้านบาท

ลูกจ้างโรงงานสิ่งทอ

ลูกจ้างโรงงานสิ่งทอ จ.สมุทรปราการ กว่าร้อยคน ถูกลดค่าจ้างและค้างจ่ายตั้งแต่ 2563 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ตรวจสอบ สั่งนายจ้างจ่ายค่าจ้างรวมค่าชดเชยต่าง ๆ 19 ล้านบาท

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 กรณีลูกจ้างโรงงานสิ่งทอในจังหวัดสมุทรปราการนับร้อยคน รวมตัวกันหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอให้เร่งรัดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามคำร้อง (คร.7) รวมทั้งตรวจสอบทรัพย์สินนายจ้าง ผลประกอบการ และภาษีอากรของนายจ้าง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที

เบื้องต้นได้รับรายงานจากพนักงานตรวจแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ ว่า โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบกิจการสิ่งทอ มีลูกจ้างรวม 225 คน มีการลดวันทำงานและลดค่าจ้างลูกจ้างเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ

นายจ้างมีประกาศขยายลดวันทำงานและลดค่าจ้างต่อเนื่องมาตลอด จนวันที่ 18 เมษายน 2566 โรงงานถูกตัดระบบการจ่ายไฟฟ้าเนื่องจากนายจ้างค้างชำระ หลังจากนั้นลูกจ้างไม่ได้เข้าทำงานให้กับนายจ้างอีกเลย แต่นายจ้างยังไม่เลิกจ้าง และทยอยจ่ายค่าจ้างบางส่วนให้แก่ลูกจ้าง

โดยตั้งแต่วันที่ 3-25 พฤษภาคม 2566 มีลูกจ้างรวม 115 คน ได้ยื่นคำร้อง (คร.7) ต่อพนักงานตรวจแรงงานเรียกค่าจ้างค้างจ่ายและเงินสะสมที่หักจากค่าจ้าง และค่าชดเชยกรณีเกษียณ (2 คน) ขณะอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบข้อเท็จเพิ่มเติม วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ผู้นำแรงงานได้นำลูกจ้างประมาณ 88 คน ไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการเพื่อให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ

ซึ่งสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการได้มีหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ รวมถึงได้มีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ที่ 353/2566 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2566

สั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ถึง เมษายน 2566 เป็นเงิน 18,125,677.58 บาท เงินสะสมหักจากค่าจ้าง เป็นเงิน 857,977 บาท และค่าชดเชยกรณีเกษียณอายุ (2 คน) เป็นเงิน 354,433.33 บาท ให้แก่ลูกจ้าง จำนวน 109 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 19,338,087.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ส่วนลูกจ้างอีก 6 คน ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและจะดำเนินการออกคำสั่งต่อไป

“ผมได้กำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานเตรียมช่วยเหลือลูกจ้างกลุ่มดังกล่าว โดยการให้คำปรึกษา แนะนำ ข้อกฎหมายและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ลูกจ้างพึงได้รับตามกฎหมายประกันสังคม ตำแหน่งงานว่างรองรับกรณีลูกจ้างมีความประสงค์จะหางานใหม่ หรือฝึกการเพิ่มทักษะด้านอาชีพต่อไป”

ด้านนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากพนักงานตรวจแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายสิทธิประโยชน์ข้างต้นแล้ว เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามคำสั่งหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ก็จะดำเนินการให้ลูกจ้างยื่นขอรับเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นต่อไป


ทั้งนี้ หากลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวไม่สะดวกมายื่นคำร้องที่ สสค.สมุทรปราการ สามารถยื่นคำร้อง คร.7 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่เว็บไซต์กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 3 หรือ 1546