
นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ออกโรงดันรัฐทบทวนเพิ่ม “พืชยางพารา” เป็นเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 ตามในแผนปฏิบัติการพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พ.ศ. 2566-2570 ช่วยยกระดับรายได้เกษตรกรในพื้นที่และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรเพิ่มสูงขึ้น
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเรื่องยางพารา โดยที่ประชุมนายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอให้รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ รวมทั้งปัญหาที่สหรัฐอเมริกาแบนถุงมือยางจากประเทศไทยที่อาจส่งผลกระทบในภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย
- ทำความรู้จักบัตรวิสดอมกสิกรไทย ต้องรวยแค่ไหนถึงถือบัตรได้
- ประกาศใหม่ ผลประโยชน์ตอบแทนบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตน ม.33,39
- ประกันสังคม ม.33-39-40 ผู้ประกันตนแต่ละประเภท มีสิทธิต่างกันอย่างไร?
รวมทั้งได้ยื่นหนังสือที่ สยท. 009/2566 ลงวันที่ 31 มกราคม 2566 เพื่อขอให้บรรจุเพิ่มยางพาราพืชเศรษฐกิจไว้ในแผนปฏิบัติการพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พ.ศ. 2566-2570 สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 มีมติเห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการด้านพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งมีเป้าหมายคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพและดำเนินการได้ทันที ซึ่งประกอบด้วย 5 คลัสเตอร์
ได้แก่ 1.ผลไม้ เน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และฉะเชิงเทรา 2.ประมงเพาะเลี้ยง เน้นการเพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและสร้างเศรษฐกิจใหม่ ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และระยอง 3.พืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพเน้นยกระดับผลผลิตมันสำปะหลังให้มีคุณภาพ และมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่งเสริมการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าสินค้า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
4.พืชสมุนไพร เน้นการพัฒนาสนสมุนไพรอย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และชลบุรี และ 5.เกษตรมูลค่าสูง เน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูง ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
โดยทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยขอเสนอให้ยางพาราอยู่ในเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 ทั้งนี้เนื่องจากยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทยที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศ ทั้งในรูปผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปที่มีการแปรรูปจากวัตถุดิบน้ำยางจากต้นยาง เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า ถือว่าเป็นพืชที่มีศักยภาพมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 555,401 ล้านบาทต่อปี (กรมวิชาการเกษตร 2565)
และพื้นที่ปลูกยางพาราในภาคตะวันออกมีจำนวนมากเป็นลำดับ 2 รองจากภาคใต้ และอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่นเดียวกับพืชอื่น ๆ ใน 5 คลัสเตอร์ดังกล่าวข้างต้นด้วย ซึ่งหากได้บรรจุยางพาราเป็นเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 จะช่วยเป็นการยกระดับรายได้เกษตรกรและมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรเพิ่มสูงขึ้น
“ผมเสนอแนวทางเพิ่มเติมว่าควรให้มีการพัฒนาพืชยางพารา ให้สอดรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ซึ่งควรเน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูงเช่นเดียวกับผลไม้ รวมทั้งเน้นการเพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและสร้างเศรษฐกิจใหม่เช่นเดียวกับประมงเพาะเลี้ยง และยกระดับผลผลิตให้มีคุณภาพและมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดส่งเสริมการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าสินค้าเช่นเดียวกับพืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ
นอกจากนี้ ควรมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษตะวันออก (EEC) เช่นเดียวกับพืชสมุนไพร รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูงเช่นเดียวกับเกษตรมูลค่าสูง ดังนั้นผมขอวิงวอนให้รัฐบาลทบทวนเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเพิ่ม ‘พืชยางพารา’ เป็นเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 โดยให้มีการทบทวนแผนปฏิบัติการ รวมทั้งยุทธศาสตร์และกรอบวงเงินในการดำเนินโครงการต่อไป” นายอุทัยกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สมาคมนักวิชาการยางและถุงมือยาง สถาบันการสร้างชาติ ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะได้ร่วมมือกันจัดงานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023 ระหว่างวันที่ 22-26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ตลาดกลางยางพาราภาคตะวันออก ตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง เพื่อให้เห็นศักยภาพ ความพร้อมยางพาราของไทยในพื้นที่เขต EEC สู่การผลักดันให้เพิ่ม “พืชยางพารา” เป็นเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดงานครั้งนี้