วิกฤต “รัสเซีย-ยูเครน” โอกาสส่งออกไทย

กิตตินันท์ ยิ่งเจริญ

รัสเซียถือเป็นตลาดส่งออกใหม่ที่ศักยภาพสูงของประเทศไทย โดยในปี 2564 มีมูลค่าการส่งออกไปมากถึง 1,027 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 41.68%

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยด้วยในหลายมิติ ที่เห็นชัดคือกรณีราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นเหนือ 93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขยับเข้าใกล้ 100 เหรียญสหรัฐมากขึ้นทุกที

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย หลากหลายแง่มุม ดังนี้

เศรษฐกิจของรัสเซียปี 2565

มีการคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจรัสเซียปี 2565 ไว้ว่าจะขยายตัว 2.4% จากปีที่ผ่านมาที่ขยายตัว 4.6% เป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจากปัจจัยการระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น

และความต้องการบริโภคสินค้ามากขึ้น จึงคาดว่าปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่รัสเซียกังวลมากที่สุดคงเป็นเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยในปี 2564 อยู่ที่ 8.4% สูงสุดในรอบ 12 ปี ส่งผลให้ราคาสินค้าในรัสเซียสูงขึ้น ปี 2565 จึงมีเป้าหมายที่จะหามาตรการเข้ามาดูแลควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงจนเกินไป โดยมีมาตรการห้ามส่งออกสินค้าบางชนิด และมีมาตรการลดดอกเบี้ยนโยบาย เป็นต้น

Advertisment

โดยมีเป้าหมายในครึ่งปีแรกให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับ 6% ทั้งปีอยู่ที่ 4%

ผลกระทบรัสเซีย-ยูเครน

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จากการประเมินเบื้องต้นสถานการณ์ยังไม่รุนแรง โดยรัสเซียยังคงตรึงกำลังบริเวณชายแดนไม่ได้มีการโจมตีหรือตอบโต้ใด ๆ ทำให้สถานการณ์ภายในประเทศยังปกติ มองแล้วอาจเป็นสงครามทางเศรษฐกิจมากกว่า หากฝ่ายใดมีมาตรการออกมา

จากการติดตามรายงานของสื่อตะวันตกเมื่อปลายเดือน ม.ค. 2565 มีการรายงานถึงการเตรียมการของฝ่ายสหรัฐและสหภาพยุโรปในการกดดันรัสเซีย หากเปิดศึกกับยูเครนด้วยการยกระดับความรุนแรงของมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และบุคคลต่อรัสเซียออกมาเป็นระยะ ๆ

พบว่ามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียที่ฝ่ายตะวันตกกำลังพิจารณา มีตั้งแต่การตัดการเชื่อมต่อระบบ SWIFT ในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งกรณีนี้หลายประเทศไม่เห็นด้วยเพราะผลกระทบย้อนกลับไปยังเศรษฐกิจของยุโรปเอง ยกเว้นอังกฤษที่แสดงท่าทีเห็นชอบ

Advertisment

และการจำกัดการแลกเปลี่ยนเงินสกุลรูเบิลเป็นเงินสกุลหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร ควบคุมไม่ให้นานาชาติส่งออกสินค้าเทคโนโลยีไปยังรัสเซีย เช่น โทรศัพท์มือถือ อากาศยานชิ้นส่วนประกอบรถยนต์

และวัตถุดิบอุตสาหกรรมไปยังรัสเซีย รวมถึงการใช้มาตรการคว่ำบาตรรายบุคคลกับผู้นำประเทศ เช่น ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจ

ข่าวที่ว่าเยอรมนีจะยกเลิกโครงการท่อส่งก๊าซจากรัสเซีย (Nord Stream 2) ที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ ต.ค. 2564 แต่สหรัฐอเมริกาพยายามขัดขวางไม่ให้เยอรมนีเปิดใช้ หากเกิดการสู้รบขึ้นจริงเยอรมนีแม้ต้องร่วมมือกับ NATO

แต่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงกับการขาดแคลนพลังงานที่ต้องนำเข้าจากรัสเซีย เพราะยุโรปตะวันตกพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของทั้งหมด

กรณีการควบคุมการส่งออกอาวุธและพลังงานที่เป็นแหล่งรายได้หลักของรัสเซีย ประเมินมูลค่าเบื้องต้น 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าวยังไม่กระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าทั่วไปยังเป็นปกติ แต่เมื่อใดที่ฝ่ายตะวันตกตัดสินใจยกระดับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย โดยเฉพาะมาตรการที่มุ่งจำกัดขีดความสามารถทางการค้าระหว่างประเทศและการเงินระหว่างประเทศ หากไทยต้องปฏิบัติตามมาตรการของฝ่ายตะวันตกย่อมกระทบการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สถานการณ์โควิดในรัสเซีย

ปัจจุบันผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันจะสูงกว่า 1 แสนรายก็ตาม หากเทียบช่วงก่อนหน้านี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นมาก นับตั้งแต่ที่มีการระบาดหนักในปี 2564 ที่ผ่านมาสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ส่งสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคนรัสเซียเริ่มกลับมาเกือบ 100% แม้ยังไม่ผ่อนคลายเรื่องการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก รวมถึงการจัดกิจกรรมงานแสดงสินค้า การจัดคอนเสิร์ตก็ตาม

จากการติดตามมาตรการด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัสเซียไม่ได้มีมาตรการเข้มงวดออกมาแล้ว ผู้ป่วยพักรักษาตัวได้ที่บ้าน ร้านอาหารเปิดได้ปกติไม่มีการล็อกดาวน์ แต่ยังขอความร่วมมือเอกชนให้ทำงานที่บ้าน

และเร็ว ๆ นี้กำลังพิจารณานำมาตรการ “คิวอาร์โค้ด” มาใช้สำหรับผู้ที่ตรวจภูมิ และมีเยอะที่สามารถทำกิจกรรมได้มากขึ้น จากเดิมใช้สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนไปทานอาหาร ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้

ตอนนี้จะปรับใหม่ว่าใครที่ตรวจภูมิและสูง มีคิวอาร์โค้ดสามารถทำกิจกรรมได้ เพราะคนรัสเซียฉีดวัคซีนน้อย การฉีดยังล่าช้า อัตราการฉีดครบ 2 เข็มปัจจุบันประมาณ 50% ของประชากร วัคซีนหลักคือ Sputnik-V ซึ่งผลิตเอง และปัจจุบันไม่อนุญาตให้นำเข้าวัคซีนชนิดอื่น

มูลค่าการส่งออกของไทยปีนี้

ภาพรวมเศรษฐกิจและรายได้จากการขายพลังงาน มีส่วนช่วยหนุนการส่งออกของไทยไปยังรัสเซียในปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 7-8% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรัสเซีย ความต้องการบริโภคสินค้าเพิ่มต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ขยายตัว 41.68% มีมูลค่า 1,027 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมครองส่วนแบ่งการส่งออกจากไทยกว่า 80% ประกอบด้วย สินค้า กลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบเป็นสินค้าหลัก สัดส่วน 31.26% ของการส่งออกทั้งหมดของไทยไปรัสเซีย

รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์ยาง 10.37% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล 5.26% เม็ดพลาสติก 4.22% เครื่องปรับอากาศ และส่วนประกอบ 4.14% อัญมณีและเครื่องประดับ 2.14% เป็นต้น

กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร มีสัดส่วนส่งออกรวม 9.98% สินค้าที่ส่งออก ได้แก่ ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป 4.49% อาหารทะเลกระป๋อง และแปรรูป 1.90%

กลุ่มสินค้าเกษตรกรรม มีสัดส่วน 6.90% มียางพารา 3.21% ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง 0.85% ข้าว 0.35% เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากรัสเซีย เช่น น้ำมันดิบ ปุ๋ย และแร่โลหะ

แผนดันส่งออก

สำนักงานเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซียอย่างเต็มที่ หากมีมาตรการด้านการรวมกลุ่มที่ชัดเจน เป้าหมายที่จะจัดคือ ไทยแลนด์เฟสติวัล เพื่อนำสินค้าไทยมาจัดบูทแสดงสินค้ากลางแจ้งในเดือน ก.ค.-ส.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนของรัสเซีย

นอกจากนี้ ยังต้องการผลักดันสินค้าไทยขึ้นไปอยู่บนแพลตฟอร์ม OZON ซึ่งเป็นที่นิยมในการช็อปออนไลน์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคสนใจซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ตั้งแต่โควิด-19 และกฎหมายเปิดช่องการสั่งซื้อสินค้าข้ามพรมแดนได้

โดยสินค้าที่ราคาไม่เกิน 200 ยูโร ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าและน้ำหนักไม่เกินที่กำหนด จึงเป็นช่องทางที่ผู้ส่งออกไทยจะนำสินค้าขึ้นไปบนแพลตฟอร์มเพื่อจำหน่ายให้คนรัสเซียได้

โดยสินค้าจำเป็นต้องมีเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วย เช่น สมุนไพร สินค้าด้านสุขภาพ ยาหม่อง ยาดม ให้คำนึงว่าหากสินค้าแฟชั่นทั่วไป สินค้าที่ใกล้เคียงของจีนอย่างเสื้อผ้า อาจสู้จีนไม่ได้เพราะรัสเซียนำเข้าจากจีนและราคาถูกกว่า ส่วนกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ก็ยังทำต่อเนื่อง

โอกาสของการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดรัสเซียยังมีอีกมาก แต่การทำตลาดยังลำบากเนื่องจากการสื่อสารทางภาษาเป็นอุปสรรค ส่วนปัญหาการนำเข้าที่กังวลจากสถานการณ์ความขัดแย้งเชื่อว่ากระทบน้อย แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีมาตรการใดย่อมกระทบเช่นกัน