
ธ.ก.ส. ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หนุนสภาพคล่องเกษตรกร พยุงลูกค้าในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมวางแนวทางดูแลเกษตรกรแบบครบวงจร ผ่านมาตรการดูแลภาระหนี้สินเดิม-รักษาประวัติลูกค้าในการชำระหนี้-เติมสินเชื่อใหม่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ควบคู่เสริมศักยภาพการประกอบอาชีพ
วันที่ 6 ตุลาคม 2565 นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปี ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีบทบาทในการดูแลภาคการเกษตรและการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็ง พร้อมสนับสนุนนโยบายในการแบ่งเบาภาระ และสนับสนุนการออมของเกษตรกร ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ร้อยละ 0.10-0.20
- เจาะลึกพฤติกรรม “Silver Age” สูงวัย ไม่เท่ากับ คนแก่
- วันหยุดเดือนธันวาคม 2566 เช็กวันหยุด วันสำคัญ วันหยุดยาว-หยุดต่อเนื่อง
- เปิดพอร์ตห้างเซ็นทรัล-โรบินสัน 75 สาขา ในมือซีอีโอใหม่ “ณัฐธีรา บุญศรี”

ประกอบด้วย ลูกค้าทั่วไปที่มีบัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน และ 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นจากร้อยละ 0.90 เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน 48 เดือน และ 60 เดือน ปรับขึ้นจากร้อยละ 0.90 เป็นร้อยละ 1.10 ต่อปี และลูกค้านิติบุคคล ส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจที่มีบัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน และ 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นจากร้อยละ 0.38 เป็นร้อยละ 0.48 ต่อปีและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน 48 เดือน และ 60 เดือน ปรับขึ้นจากร้อยละ 0.50 เป็นร้อยละ 0.70 ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธ.ก.ส.ยังคงตรึง ทั้งอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อัตราดอกเบี้ยลูกค้าสถาบัน และนิติบุคคลชั้นดี (MLR) และอัตราดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ไว้ให้นานที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรลูกค้า สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการด้านการเกษตร ให้มีกำลังในการฟื้นตัวจากผลกระทบ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นอกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากและการตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ธ.ก.ส.ได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการจูงใจให้ลูกค้ารักษาประวัติการชำระหนี้ที่ดีไว้ โดยดูแลในเรื่องผลตอบแทน ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่คิดตามชั้นลูกค้า และการคืนเงินดอกเบี้ยเพื่อแบ่งเบาภาระผ่านโครงการชำระดีมีคืน Plus จำนวน 3,000 ล้านบาท ให้กับลูกค้าที่ชำระหนี้ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2566
การดูแลภาระหนี้สินเดิมเพื่อลดความกังวลใจในเรื่องหนี้ เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ตามแนวทางที่จะช่วยเหลือภาระทางการเงิน และเป็นไปตามศักยภาพของเกษตรกร เช่น มาตรการจ่ายดอกตัดต้นเพื่อลดภาระหนี้ การไกล่เกลี่ยหนี้ การจัดทำคลินิกหมอหนี้ เพื่อลดหนี้ครัวเรือน การให้คำปรึกษาด้านการจัดการหนี้ ทั้งหนี้ในและนอกระบบ การพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพ เช่น การให้ความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy)
และด้านดิจิทัล (Digital Literacy) การร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา ในการศึกษาดูงาน การฝึกปฏิบัติเพิ่มทักษะ ทั้งอาชีพเดิม อาชีพเสริม และอาชีพใหม่ การปรับเปลี่ยนการผลิตไปปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง การลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต การยกระดับมาตรฐานสินค้า เป็นต้น พร้อมการเติมสินเชื่อใหม่ ภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุน เช่น สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน สินเชื่อแฟรนไชส์ สินเชื่อ Green Credit สินเชื่อ Contract Farming สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย เป็นต้น
การสนับสนุนช่องทางด้านการตลาดในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นตลาดในระดับท้องถิ่น ตลาด Modern trade ตลาด E-Commerce ควบคู่การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต กองทุนทวีสุข กองทุนเงินออมแห่งชาติ เป็นต้น
- ธอส. ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.325% ต่อปี คงดอกเบี้ยเงินกู้ถึงสิ้นปี
- กรุงไทย ตรึงดอกเบี้ย MRR-ปรับขึ้นดอกฝากสูงสุด 0.825% ต่อปี อุ้มรายย่อย
- ออมสินออกสินเชื่อบ้าน “กู้ปีนี้ ผ่อนปีหน้า” ดอกเบี้ย 3 ปีแรก 2.65%
- ttb ขึ้นดอกเบี้ย 2 ขา กู้ MRR ปรับขึ้นน้อยกว่าดอกเบี้ยนโยบาย อุ้มรายย่อย
- กสิกรไทย คาดแบงก์ขึ้นดอกเบี้ยตามหลัง กนง. เฉลี่ย 0.125-0.25%
- แบงก์กรุงเทพ ขึ้นดอกเบี้ยกู้-ฝากนำร่อง เด้งรับมติ กนง. มีผลพรุ่งนี้