ธนาคารกรุงเทพ ขยายบริการ L/C ผ่านบล็อกเชนเชิงพาณิชย์ สู่อุตสาหกรรมธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ชูธงแบงก์แรกในไทย ประเดิม จับมือ “บางจากฯ” ช่วยลูกค้าธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพ-ใช้เวลาทำธุรกรรมน้อยลงจาก 3 วันเหลือไม่เกิน 3 ชั่วโมง
วันที่ 8 มีนาคม 2566 นายพิพัฒน์ อัสสมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้เปิดให้บริการเลตเตอร์ออฟเครดิตบนระบบบล็อกเชน หรือ L/C on Blockchain นวัตกรรมที่ช่วยให้บริการทางการเงินสำหรับการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ทำได้ง่ายขึ้นและประสิทธิภาพดีขึ้น นับเป็นการเปิดให้บริการได้แบบเต็มรูปแบบเป็นรายแรกในประเทศไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
- BITE SIZE : ถอนเงินไม่ใช้บัตร ข้ามแบงก์ได้แล้ว ธนาคารไหนรองรับบ้าง
โดยล่าสุด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เลือกใช้บริการ L/C on Blockchain กับธนาคารกรุงเทพ เพื่อเปิด L/C ให้แก่ธนาคารของคู่ค้าซึ่งอยู่ในต่างประเทศ โดยมีกำหนดทำธุรกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ธุรกรรมดังกล่าวยังถือเป็น L/C on Blockchain รายการแรกของธนาคารกรุงเทพที่ให้บริการแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซอีกด้วย
“นับเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จที่สำคัญมากสำหรับการพัฒนาบริการด้าน Trade Finance โดยนำเทคโนโลยียุคใหม่เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงานให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริการดังกล่าวจะดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลทั้งกระบวนการ โดยไม่มีขั้นตอนที่ใช้เอกสารกระดาษเลย และช่วยลดระยะเวลาของธุรกรรม L/C จากที่เคยต้องใช้เวลาทำธุรกรรม 3 วัน ลดเหลือเพียงไม่เกิน 3 ชั่วโมง ดังนั้น ธุรกรรมลักษณะนี้ที่ต้องทำเป็นประจำ จึงเท่ากับช่วยให้การทำธุรกิจมีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างชัดเจน”
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯ มุ่งมั่นในพันธกิจขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านด้านพลังงาน โดยมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาตลอด การนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้เพื่อยกระดับกระบวนการทำธุรกรรม L/C สำหรับการค้าระหว่างประเทศของบางจากฯ เป็นอีกหนึ่งการดำเนินการสำคัญของบางจากในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร
การร่วมกับธนาคารกรุงเทพในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในธุรกรรมเลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit : L/C) แบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบริษัท Contour ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพล็ตฟอร์มชั้นแนวหน้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการนำขับเคลื่อนการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศของบางจากฯ ให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน บริษัทที่เป็นคู่ค้าในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศสามารถตรวจสอบรายละเอียดของธุรกรรมได้ชัดเจน มีความโปร่งใส
นายพิพัฒน์กล่าวอีกว่า บริการดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีของ “Contour” ผู้ให้บริการด้านการเงินเพื่อการค้าแบบดิจิทัลระดับโลก ซึ่งธนาคารกรุงเทพ ถือเป็นธนาคารไทยแห่งแรกและเป็นธนาคารเดียวที่ได้เข้าร่วมกับธนาคารและองค์กรพันธมิตรชั้นนำระดับโลก เพื่อร่วมก่อตั้ง “Contour” ขึ้นมา รวมถึงได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาบริการดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2562
ตลอดจนการเริ่มทดลองให้บริการทำธุรกรรม L/C on Blockchain แบบข้ามธนาคาร (Cross Bank) บน Contour Network ให้แก่ลูกค้ารายสำคัญจำนวน 3 ราย ในต้นปี 2564 ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ตอบโจทย์การใช้บริการด้าน Trade Finance ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้แก่ผู้ประกอบการทั้งด้านนำเข้าและส่งออก จนนำมาสู่การเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ ได้อย่างเต็มรูปแบบในเดือนพฤศจิกายน 2564
ทั้งนี้ ปัจจุบัน Contour มีธนาคารต่าง ๆ เข้าร่วมประมาณ 20 แห่ง ซึ่งให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งในภูมิภาคยุโรป อเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย-แปซิฟิก
สำหรับจุดเด่นของบริการ L/C on Blockchain นั้นเป็นการทำงานโดยใช้เทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) หรือ Enterprise Blockchain Platform ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัลได้ทั้งกระบวนการ ทำให้คู่ค้าทุกฝ่ายสามารถเห็นข้อมูลพร้อม ๆ กัน จึงทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใสและลดต้นทุนการดำเนินการได้ดีกว่าการใช้เอกสารในรูปแบบเดิมได้อย่างมาก สอดรับกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่จะต้องมีความรวดเร็วและทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย
“การทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงินอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับบริการทางการเงินได้จริง ซึ่งได้ปฏิวัติรูปแบบการบริการด้าน Trade Finance แบบเดิมไปอย่างสิ้นเชิง และเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ที่มีส่วนร่วมพัฒนาบริการนี้มาอย่างต่อเนื่อง
จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับการบริการด้าน Trade Finance ของธนาคารกรุงเทพให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าธุรกิจและคู่ค้าที่อยู่ในต่างประเทศ ให้มีขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้สูงขึ้น ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ ‘เพื่อนคู่คิด’ ที่จะก้าวเดินเคียงข้างกันไปกับลูกค้า ด้วยบริการทางการเงินที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงประสบการณ์และคำแนะนำทางธุรกิจที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต” นายพิพัฒน์กล่าว