กอบศักดิ์ ชี้จัดตั้งรัฐบาลชัดหนุนดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน “ร้อนแรง”

กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ภาพจากศูนย์ภาพมติชน

ดร.กอบศักดิ์ ชี้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” หลังจัดตั้งรัฐบาลชัดเจน จับตาแถลงนโยบายสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกัน นักลงทุนกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจจีนมากสุด ระบุเซ็กเตอร์ “พาณิชย์” อยู่ในความสนใจมากสุด ส่วนหมวด “แฟชั่น” ไม่น่าสนใจมากที่สุด 

วันที่ 6 กันยายน 2566 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า หลังจากมีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุน พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 141.27 กลับมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” อีกครั้ง จากที่ในช่วง 2-3 เดือนก่อนที่ดัชนีทรงตัว เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนว่าจะไปทางไหน

“นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อย สถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงกลุ่มบัญชีหลักทรัพย์ที่ยังทรงตัวเท่ากับครั้งที่แล้ว และเมื่อดูว่าปัจจัยไหนที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น เรื่องแรกเลยก็คือ การจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดเจนขึ้น ต่อมาก็คือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ซึ่งได้รับความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และเห็นชัดว่ารัฐบาลมีแนวคิดเรื่องประคองเศรษฐกิจและกระตุ้นใช้จ่ายในระยะสั้น นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ไฮซีซั่น ก็เป็นอีกปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน”

ส่วนปัจจัยลบ หรือสิ่งที่นักลงทุนกังวลคือ เศรษฐกิจจีนที่กำลังคุกรุ่นหลาย ๆ เรื่อง ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงความกังวลเรื่องภาษีตลาดหุ้น

ดร.กอบศักดิ์กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งมีเผยแพร่ออกมา ทำให้เริ่มอ่านได้ว่ารัฐบาล “เศรษฐา 1” จะมีความตั้งใจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยนโยบายอะไรบ้างในแต่ละด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมถึงเป้าหมายระยะ 4 ปี ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะต่อไป โดยนักลงทุนจะเริ่มศึกษานโยบายเหล่านี้ต่อไป

“วันที่ 11 ก.ย. จะเป็นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตอบข้อซักถามต่าง ๆ แล้วจะมีประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนัดแรก วันที่ 12 ก.ย. ดังนั้น หลังจากนี้ก็จะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น ว่าแต่ละพรรค แต่ละกระทรวง จะมีการขับเคลื่อนนโยบายหลัก ๆ อย่างไร รวมไปถึงการที่มีหลากหลายพรรคจะเชื่อมโยงทำนโยบายร่วมกันอย่างไรบ้าง เราต้องติดตามกันต่อไป”

ดร.กอบศักดิ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นการชะลอตัวลงเรื่อย ๆ จากผลกระทบจากภาคส่งออกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี เซ็กเตอร์หลักทรัพย์ที่ยังมีกำไรดีอยู่ คือธนาคารพาณิชย์ ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 15% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมาจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้นมาต่อเนื่อง

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 15.4 ล้านคนในช่วง 7 เดือนแรก มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่เข้ามา 11 ล้านคนไปแล้ว ดังนั้น ช่วงที่เหลืออีก 5 เดือน ที่จะเป็นช่วงไฮซีซั่น น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวปีนี้น่าจะเข้ามาได้ 29-30 ล้านคนตามเป้า

ทั้งนี้ สำหรับหมวดธุรกิจที่นักลงทุนสนใจมากที่สุด คือหมวดพาณิชย์ (COMM) ขณะที่หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดแฟชั่น (FASHION)