TCAP โชว์กำไรสุทธิปี’66 แตะ 6,603 ล้านบาท จ่ายปันผล 2.00 บาทต่อหุ้น

สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP

TCAP เติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เปราะบาง โชว์กำไรสุทธิปี 2566 จำนวน 6,603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5% จากปีก่อน จ่ายปันผลเพิ่มเป็น 3.20 บาทต่อหุ้น เหลือจ่ายงวดสุดท้าย 2.00 บาทต่อหุ้น 

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP เปิดเผยว่า “ในภาพรวมผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบางอยู่ก็ตาม โดยผลการดำเนินงานมาจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม และเงินลงทุนที่ใช้ในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ประกอบกับเงินลงทุนที่ใช้ในการขยายสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Asset-based Financing)

TCAP มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท ตามงบการเงินรวมจำนวน 6,603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5% จากปีก่อน โดยธุรกิจการเงินในภาพรวมเติบโตได้ดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิด รวมถึงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในขณะที่ธุรกิจหลักทรัพย์ ได้รับผลกระทบจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงตามภาวะการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรับตัวลดลง แต่ยังคงมีกำไรในระดับที่น่าพอใจจากธุรกิจหลักทรัพย์ในส่วนอื่น ๆ

ตามนโยบายการกระจายธุรกิจไม่พึ่งพิงเฉพาะธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว ในขณะที่ธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง และปัญหาราคารถยึด แต่ยังคงมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง สำหรับธุรกิจประกัน สามารถเติบโตเบี้ยประกันภัยรับได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน ที่สามารถขยายสินเชื่อได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้

นายสมเจตน์กล่าวเสริมว่า “ในปี 2566 ที่ผ่านมา TCAP ได้ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งการแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ความมั่นคง และผลประกอบการของบริษัท รวมทั้งการกำกับดูแลให้บริษัทในกลุ่มเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ตามเป้าหมายทางธุรกิจ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นไปตามเป้าหมาย

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2567 TCAP จะยังคงเน้นเรื่องการสร้างความมั่นคงของบริษัทในกลุ่ม โดยยังดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เสนอต่อผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1.20 บาท จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายสำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 3.20 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 3.10 บาท