ธปท.ยังไม่แทรกแซงเงินบาทอ่อนค่า แนะผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยง

ธปท.ยังไม่แทรกแซงเงินบาทอ่อนค่า

ธปท.ยังไม่แทรกแซงบาทอ่อนค่า ปล่อยตามกลไกตลาด ชี้ยังไม่เห็นเงินทุนต่างชาติไหลออก-ไม่กระทบราคาสินค้าในประเทศทันที แนะผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน คาดครึ่งปีหลังอาจพลิกกลับมาแข็งค่า 

วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 นางสาวดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การอ่อนค่าของเงินบาทเกิดจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันผวนทั่วโลก ซึ่งตั้งแต่ต้นปีพบว่าเงินดอลลาร์แข็งค่าไปแล้ว 11.3% ขณะที่เงินสกุลต่างๆ อ่อนค่าทุบสถิติ เช่น เงินยูโรที่อ่อนค่าในรอบ 20 ปี ส่วนเงินบาทของไทยอ่อนค่าอยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค โดยจากข้อมูลล่าสุดตั้งแต่ต้นปีพบว่า เงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 7.6%

สำหรับการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของธปท. นั้น ขณะนี้จะยังคงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งสะท้อนหลายๆ อย่าง ธปท. จึงไม่สามารถระบุได้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนควรจะอยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่ง เพราะการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับใดระดับหนึ่งอาจเป็นการสะสมความเสี่ยงที่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว

“เราไม่ได้มีระดับอัตราแลกเปลี่ยนในใจ จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด แต่หากมีความผันผวนในตลาดที่มากผิดปกติ ธปท.จะเข้าไปดูแล ซึ่งก็เป็นกรอบในการดูแลค่าเงินอยู่แล้ว ไม่ว่าจะช่วงจังหวะเวลาใด”

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่เห็นการไหลออกของเงินทุนต่างชาติในตลาดการเงินไทย โดยตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 5 ก.ค. 65 เงินทุนยังเป็นบวกสุทธิที่ 9.7 หมื่นล้านบาท  โดยในตลาดทุนเป็นบวก 1.04 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดพันธบัตร ไหลออกราว 7,000 ล้านบาท ส่วนในระยะข้างหน้า หากไม่มีปัจจัยใหม่เพิ่มเติมเข้ามา ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์

ทั้งนี้ ธปท. ยืนยันว่ายังไม่มีมาตรการในการควบคุมเงินทุนไหลออก เพราะเชื่อว่าการปล่อยให้ตลาดเคลื่อนไหวเสรีเป็นกลไกที่ดี แต่มาตรการในการดูแลยังต้องมี ซึ่งถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ หรือไม่มีวิกฤติจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องนำมาใช้

ขณะที่ข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้ ธปท. ดูแลค่าเงินบาทนั้น มองว่า ค่าเงินอ่อนหรือแข็งมีทั้งคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ธปท.พูดมาตลอดว่าเงินบาทขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก ๆ แต่ถามว่าสิ่งที่ ธปท.พยายามพูดมาตลอดคือให้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

“ธปท.ทำนโยบายภาพรวม ภาพใหญ่ ก็เข้าใจแต่ละกลุ่มมีผลกระทบที่ต่างกัน สิ่งที่ ธปท. พยายามทำคือให้แต่ละกลุ่มมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่ดี มีการพยายามลดกฎเกณฑ์ให้ทุกคนบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น พยายามทำให้ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงถูกลง แต่เรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนก็จะยังอยู่กับเราอีกนาน”

ด้านนางสาวณชา  อนันต์โชติกุล  ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า เงินบาทที่อ่อนค่าในขณะนี้ยังไม่ส่งผ่านมายังราคาสินค้าและบริการ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในทันที แต่จากการศึกษาพบว่า หากเงินบาทอ่อนค่ายาวกว่าที่ประเมิน อาจส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการมากกว่าในอดีต

ส่วนอัตราเงินเฟ้อล่าสุดที่ระดับ 7.66% ยังไม่ถึงระดับสูงสุด โดยคาดว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้าอาจจะได้เห็นตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสูงกว่านี้ มีโอกาสที่จะถึงระดับ 8% แต่เงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่าระดับราคาสินค้าจะต้องเพิ่มขึ้นทุกเดือน เพราะว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้เป็นการเทียบกับปีก่อน ซึ่งฐานที่อยู่ในระดับต่ำ

“ธปท. คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีแรงบวกกลับเข้ามาทำให้บาทไม่อ่อนมากกว่านี้ หรือกลับมาแข็งขึ้นด้วยซ้ำ หากท่องเที่ยวกลับมา ราคาน้ำมันไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าขนส่ง ค่าระวางการส่งสินค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะติดลบประมาณ 8% แต่เราเริ่มเห็นความคลี่คลายว่าตัวซับพลายคลี่คลาย ทำให้ค่าขนส่ง ค่าระวางการส่งสินค้าระหว่างประเทศเริ่มปรับลดลง”