กรมศิลป์ เผยแนวทางอนุรักษ์-ฟื้นฟู​เจดีย์​วัด​ศรี​สุพรรณ จ.เชียงใหม่

เจดีย์​วัด​ศรี​สุพรรณ จ.เชียงใหม่

กรมศิลปากรเปิดเผยแนวทางอนุรักษ์และฟื้นฟูเจดีย์​วัด​ศรี​สุพรรณ จ.เชียงใหม่ หลังถล่มเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา

วันที่ 5 ตุลาคม 2565 นายบพิตร​ วิทยา​วิโรจน์​ รองอธิบดี​กรมศิลปากร​ เปิดเผยถึงแนวทางในการอนุรักษ์และฟื้นฟู​เจดีย์วัด​ศรี​สุพรรณ จ.เชียงใหม่ ว่ากรมศิลปากรจะบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ โดยจะมอบหมายให้วิศวกรเข้ามาประเมินสภาพและความปลอดภัยของพื้นที่​บริเวณ​องค์​เจดีย์ ​ก่อนจะมอบหมายให้ทีมนักโบราณคดีเข้าศึกษาและคัดแยกหลักฐานทางโบราณคดี​ร่วมกับจิตอาสาและอาสาสมัครจากสถาบันการศึกษ​า

โดยระหว่างการดำเนินการจะมอบหมายให้ภัณฑารักษ์​และนักวิทยาศาสตร์​เพื่อการอนุรักษ์เข้ามาจัดทำทะเบียนและอนุรักษ์​โบราณวัตถุ​ไปพร้อมกัน​ นอกจากนี้ กรมศิลปากร​ยังมอบหมายให้นักจดหมายเหตุบันทึกเหตุการณ์ทุกขั้นตอน เพื่อจัดทำจดหมายเหตุเป็นองค์ความรู้เรื่องของการบูรณะองค์เจดีย์ในอนาคต ซึ่งภายหลัง​จากกระบวนการศึกษา​ทางโบราณคดีแล้วเสร็จ จะนำไปสู่การร่วมกันหาแนวทางการบูรณะหรือฟื้นฟูเจดีย์​วัดศรีสุพรรณ​ในลำดับต่อไป

ทั้งนี้ ได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความคืบหน้าการบูรณะพระธาตุเจดีย์วัดศรีสุพรรณแล้ว

​ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา พระเจดีย์ธาตุวัด​ศรี​สุพรรณ ตั้งอยู่ที่ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนแบบล้านนา ฝีมือช่างหลวง ทรงองค์ระฆังกลม บนฐานดอกบัวคว่ำบัวหงาย แปดชั้นแปดเหลี่ยม ตั้งบนฐานรองรับทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สามสิบหก สูงประมาณตึก 3 ชั้น มีอายุกว่า 500 ปี ได้พังถล่มลงมา

ซึ่งพระครูพิทักษ์สุทธิคุณ (สุพล สุทฺธสีโล) เจ้าอาวาสวัดศรีสุพรรณ เปิดเผยว่า ก่อนที่เจดีย์จะพังลงมา ทางวัดเห็นรอยร้าวก่อนเกิดเหตุ 3 วัน จึงได้แจ้งกรมศิลป์ และทางคณะสงฆ์ก็เฝ้าดูตลอดเวลา และห้ามนักเรียนและคนทั่วไปเข้าไปในบริเวณดังกล่าว

ขณะที่สาเหตุที่เจดีย์พังทลายนั้น นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน กรมศิลปากรที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า มาจากการสร้างครอบเจดีย์องค์เก่า ทำให้ความชื้นในเจดีย์องค์เก่าไม่สามารถระเหยออกมาได้ เพราะมีการทาสีทองทับเหมือนกับเป็นฟิล์มครอบความชื้นในเจดีย์ เมื่อน้ำฝนซึมเข้าบริเวณรอยร้าวของเจดีย์เข้าไปสะสม นานเข้าจึงเกิดวิบัติและถล่มลงมา