“ดีเอสไอ” สงสัยเงินเสี่ยกำพลโอนให้ “อดีตผบ.ตร.” 300 ล้าน จ่อเรียกสอบ พัวพันเงินคดีค้ามนุษย์

จากกรณีดีเอสไอสนธิกำลังกับหลายหน่วยงานเข้าตรวจค้นสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ในซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. หลังพบข้อมูลเด็กสาวชาวพม่าถูกนำมาเปิดบริสุทธิ์ในเมืองไทย ก่อนถูกบังคับให้ค้าประเวณีที่สถานบริการแห่งนี้ โดยการตรวจค้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่จับกุมป๋ากบ หรือนายบุญทรัพย์ อมรรัตนสิริ อายุ 55 ปี หัวหน้าเชียร์แขก ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 8 มกราคม ในข้อหาเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี พร้อมทั้งนำตัวหญิงสาวหลายสัญชาติ ทั้งไทย พม่า ลาว กัมพูชา รวม 113 คนไปคัดแยกสัญชาติและตรวจสอบหาอายุจากมวลกระดูก ขณะที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ อายุ 45 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน และกรรมการผู้ขอใบอนุญาตเปิดสถานอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญารัชดา ที่ 78/2561 ลงวันที่ 16 มกราคม 2561 คดีร่วมกันค้ามนุษย์ ก่อนนำตัวไปฝากขังทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อเย็นวันที่ 17 มกราคม

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้เตรียมออกหมายเรียกอดีต ผบ.ตร. และพวกอีก 5 รายมาสอบปากคำ ในคดีฟอกเงินจากการค้ามนุษย์ เนื่องจากพยานหลักฐานเส้นทางการเงินจากผู้ต้องหาที่ตำรวจออกหมายจับนั้น มีเส้นทางการเงินไปเชื่อมโยงกับกลุ่มดังกล่าวประมาณ 200-300 ล้านบาท ถูกโอนไปยังกลุ่มดังกล่าว เพื่อซื้อหุ้นหรือซื้อต่อกิจการ แต่อยู่ระหว่างการพิสูจน์และรวบรวมหลักฐานว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้มาจากการกระทำผิดคดีค้ามนุษย์หรือไม่ จึงต้องการสอบถามข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องว่า เป็นเงินที่ได้จากเหตุใด นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำเงินจากวิคตอเรีย ซีเครท ไปซื้อหลักทรัพย์เพื่อลงทุนในหุ้นต่างๆ จำนวน 10 ตัว ทั้งนี้ กรณีอดีต ผบ.ตร. ซึ่งปรากฏพบข้อมูลการเงินจากการขายหุ้นให้กับนายกำพล พบว่ามีทั้งการซื้อขายกันโดยตรงและผ่านบุคคลที่ 3 ดังนั้น หากเส้นทางการเงินบ่งชัดว่าเงินที่นายกำพลนำมาลงทุนมีที่มาจากการค้ามนุษย์หรืออาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ชัดเจน ก็จะเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงที่มาของเงิน ในระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจนจึงไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากอาจสร้างความเสียหายกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และดีเอสไอกำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลังถึงปี 2557

แหล่งข่าวจาก ป.ป.ท. เปิดเผยว่า สำหรับผลการสอบปากคำพนักงานลูกจ้างของวิคตอเรีย ซีเครท ถึงการเข้าไปใช้บริการฟรีหรือขอส่วนลดต่างๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐตามบัญชีชื่อย่อของผู้ใช้บริการแบบรับรอง 100% เบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานใดมาใช้บริการฟรี เอกสารทางบัญชีที่ถูกอายัดไว้เป็นการทำเอกสารขึ้นเองเพื่ออมเงินจากกิจการอาบอบนวด ในการสอบสวนจึงต้องใช้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต และสอบปากคำหมอนวดเพื่อยืนยันตัวบุคคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ดีเอสไอส่งให้ ป.ป.ท.นั้น ปรากฏรายชื่อตำแหน่งและชื่อพ้องกับอดีต ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง ซึ่งระบุว่าเป็นยอดการรับรองห้องสูท 100 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม 2557 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2557

 

ที่มา : มติชนออนไลน์