
ศักดิ์สยามเผย เตรียมเมกะโปรเจ็กต์คมนาคมเข้า ครม. เชื่อเลือกตั้งใหญ่ไม่กระทบการดำเนินงาน พร้อมแถลงผลงานปี’65 แล้วเสร็จปี’66 โครงการ โชว์งบลงทุนกระทรวงกว่า 1.2 แสนล้าน
วันที่ 27 ธันวาคม 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “สรุปผลงานปี 2565 และขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติในปี 2566 และปี 2567” โดยในกิจกรรมนี้ได้มีการแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 รูปแบบคือ 1.การสรุปผลการดำเนินนโยบายที่ได้ดำเนินไปในปี 2565 2.แผนการดำเนินงานในปีงบปี 2566 และนโยบายและข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- กรุงไทย-ออมสิน ระเบิดโปรฯ เงินฝาก “ดอกเบี้ยพิเศษ” เช็กเงื่อนไขที่นี่
โดยในปีงบประมาณ 2566 นี้กระทรวงคมนาจะมีการใช้เงินงบประมาณในการลงทุนกว่า 135,395 ล้านบาท และเงินนอกงบประมาณ 89,443 ล้านบาท รวมวงเงินลงทุนของกระทรวงคมนาคมกว่า 124,839 ล้านบาท โดยมีโครงการอยู่ในมือของกระทรวงในการพัฒนาระบบขนส่งของประเทศ 171 โครงการ
1.สำหรับผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ได้มีการแบ่งออกมาใน 5 ด้านตามภารกิจของกระทรวงคมนาคมคือ
ทางถนน มีโครงการที่สามารถเปิดให้ใช้บริการแล้วจำนวน 5 โครงการ จากโครงการทั้งหมด 25 โครงการ โดยมี 2 โครงการเด่นคือ 1.ความเร็ว 120 กม./ชั่วโมง สำหรับถนนในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงได้เปิดใช้แล้ว 11 สายทาง ระยะทางรวม 218.363 กิโลเมตร และ 2.ระบบ M-Flow ที่ปัจจุบันเปิดใช้แล้ว 4 ด่าน ได้แก่ที่ด่านธัญบุรี 2 ด่าน และด่านทับช้างอีก 2 ด่าน
ทางบก มีโครงการที่สามารถเปิดให้บริการได้ 15 โครงการ จากโครงการทั้งหมด 24 โครงการ โดยมีโครงการที่เด่น ๆ คือ การปรับลดภาษีปรจำปีสำหรับรถ EV มีการใช้รถโดยสาร EV กว่า 1,250 คัน และโครงจัดระเบียบรถรับจ้างผ่าน Application ซึ่งมีผู้ให้บริการผ่านการรับรองแล้ว 6 ราย
ทางราง มีโครงการที่สามารถเปิดให้บริการได้ 18 โครงการ จากโครงการทั้งหมด 55 โครงการ โครงการที่โดดเด่นจะมีการเปิดใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดง การจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สิน รฟท. หรือบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด และการใช้บัตร EMV ในการจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน-ม่วง และรถไฟชานเมืองสายสีแดง
ด้านทางน้ำมีโครงการที่แล้วเสร็จ 8 โครงการจากโครงการทั้งหมด 34 โครงการ เช่น การเปิดเส้นทางเดินเรือสัตหีบ-เกาะสมุย และการเปิดใช้ท่าเรืออัจฉริยะไปเพิ่มในปีนี้อีก 3 ท่าเรือ คือท่าเรือสาทร ท่าเรือบางโพ และท่าเรือราชินี
และด้านการขนส่งทางอากาศ จากโครงการ 29 โครงการ สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ 13 โครงการ เช่น การร่วมลงนามระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การตรวจสอบผลผลิตทางการเกษตรที่เน่าเสียง่าย และการปรับปรุงท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี
สำหรับส่วนที่ 2 ที่เป็นแผนงานของกระทรวงคมนาคมในปี 2566 นั้นก็ได้มีการแบ่งการดำเนินการออกเป็นด้าน ๆ เช่นเดียวกัน ได้แก่
ด้านทางถนนจะมีโครงการใหม่ 15 โครงการ เช่น การพัฒนาระบบ M-Flow ที่ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก และการพัฒนาสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา และสพานเชื่อมเกาะลันตา
ด้านทางบก มีโครงการใหม่ 5 โครงการคือ การพัฒนาแผนแม่บท Feeder ในการเดินทางเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า และการเปิดโรงเรียนสอนการขับรถขนาดใหญ่
ด้านทางราง มีโครงการใหม่ 5 โครงการ เช่น รถไฟฟ้าภูเก็ต และการศึกษาความเหมาะสมในการเชื่อมโยงรถไฟไทย-ลาว-จีน
ทางน้ำ มีโครงการใหม่ 9 โครงการ เช่น การสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในแม่น้ำป่าสัก และการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ 3 ท่าเรือคือ ท่าเรือพระราม 5 ท่าเรือพระปิ่นเกล้า และท่าเรือปากเกร็ด
ทางอากาศ จัดโครงการใหม่ในปี 2566 กว่า 24 โครงการ เช่น การขยายลานจอดเครื่องบินที่สนามบินขอนแก่นและสนามบินสุราษฎร์ธานี การก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ที่นครศรีธรรมราชและนราธิวาส
และข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต่อกระทรวงคมนาคมคือ
1) การดำเนินการในทุกขั้นตอนขอให้ยึดหลักกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
- ขอให้นำความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาประมวลผล และนำไปใช้ปรับปรุงเพื่อขับเคลื่อนโครงการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
3) ให้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัดอย่างต่อเนื่อง ครบทุกมิติ เพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน
4) การดำเนินโครงการต่าง ๆ ขอให้คำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชน โดยต้องดำเนินการเชิงรุก ตั้งแต่ก่อนดำเนินโครงการ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5) ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกันในทุกมิติ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน
6) ขอให้นำเทคโนโลยีดิจิทัล และการศึกษาดูงานต่าง ๆ มาปรับใช้ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
7) พิจารณาการนำอัตลักษณ์ความเป็นไทยใส่ไว้ในการออกแบบ
8) ขอให้พิจารณาแนวทางการเพิ่มเรื่องความคุ้มครองอุบัติเหตุในสัญญาก่อสร้าง
นอกจากนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว นายศักดิ์สยามยังได้กล่าวถึงการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมในช่วงการเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 นี้ว่า เชื่อมั่นว่าการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากทางกระทรวงมี Master Plan ในการดำเนินการและผลักดันโครงการต่าง ๆ อย่างชัดเจน
และถึงแม้จะเป็นช่วงท้ายของรัฐบาล กระทรวงคมนาคมยังมีความพร้อมที่จะเสนอโครงการต่อ ครม. อย่างต่อเนื่อง อาทิ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน-ลาว ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย รถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย และการดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เฟส 2