“ศรีสุวรรณ” จี้ “บิ๊กเต่า” ปลด-พักงาน อธิบดีกรมอุทยานฯ ปมเปลี่ยนงบกว่าร้อยล้านเพาะชำกล้าไม้ จ่อยื่น ป.ป.ช. ฐานเข้าข่ายเอื้อประโยชน์อธิบดีกรมอุทยานฯ หาก รมว.ทรัพย์ยังเพิกเฉย
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เรื่อง ขอให้ “ปลด”หรือ “พักงาน” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีอื้อฉาวการปลูกกล้าไม้
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
- เปิดประวัติ 6 รัฐมนตรีใหม่ เศรษฐา 1/1 พิชัย-พิชิต-เผ่าภูมิ-จิราพร-อรรถกร-สุชาติ
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ตามที่นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ทำหนังสือถึง น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวีวรรณ รักษาการอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณีนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากรกว่า 108 ล้านบาท ไปเพาะชำ 55 ล้านกล้าไม้ เมื่อครั้งนายธัญญา ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ เมื่อปี 2553 และอาจมีการเรียกเงินทอนด้วยนั้น
กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและรับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เก็บซ่อนไว้ใต้พรมมานานกับการใช้โครงการปลูกป่าบังหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพราะโครงการปลูกป่าของกรมป่าไม้-กรมอุทยานฯ มีการตั้งงบประมาณดำเนินการกันแทบทุกปี หากมีการดำเนินการกันอย่างจริงจัง ไม่มีการคอร์รัปชั่น ป่านนี้ประเทศไทยคงมีป่าไม้ล้นประเทศมากกว่า 80% ไปแล้ว แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่าพื้นที่ปลูกป่ายังคงเป็นพื้นที่ว่างเปล่าอยู่มาก และไม่เคยมีการรายงานต่อสาธารณชนว่า การปลูกป่าทุกปีงบประมาณนั้น มีการสัมฤทธิผลตรงตามเป้าประสงค์หรือไม่ เพราะหลายพื้นที่มีการปลูกป่าซ้ำซ้อนในพื้นที่เดียวกันอยู่เสมอๆ และปล่อยให้ไฟไหม้ในพื้นที่ปลูกป่าอยู่ทุกปี เช่น อุทยานแห่งชาติตาดโตน จ.ชัยภูมิ แต่กลับไม่มีการสอบสวนหรือตรวจสอบกันอย่างจริงจังแต่อย่างใด
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงใคร่เรียกร้องไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รีบ “เก็บกวาดบ้าน” ของตนเองเป็นการด่วน โดยขั้นนี้ต้องรีบออกคำสั่ง “ปลด” หรือ “พักงาน” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯเสียก่อนเป็นขั้นแรก เพื่อเปิดทางสะดวกให้มีการตรวจสอบเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว อันเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2561 ที่ระบุว่า กรณีมีเรื่องร้องเรียนทุจริต ให้กระทรวงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 7 วัน จากนั้นพิจารณาดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายใน 30 วัน กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเหตุน่าเชื่อถือ และเป็นกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้พิจารณาปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ หรือเสนอให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในอัตราชั่วคราวเป็นกรณีในสำนักนายกรัฐมนตรี
นอกจากนั้นจะต้องตั้งกรรมการจากคนนอกเข้าไปสอบสำนักแผนงานฯ สำนักจัดการป่าชุมชน สำนักสนองงานพระราชดำริ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ ซึ่งนายธัญญาอ้างว่าทุกหน่วยงานดำเนินการเหมือนกันหมดนั้น ว่ามีกรณีอื้อฉาวลักษณะเดียวกันหรือไม่ด้วย
ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องนี้ สมาคมฯจักนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้สอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯว่าเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้อธิบดีกรมอุทยานฯหรือไม่ด้วย
ที่มา : มติชนออนไลน์