“ศรีสุวรรณ” จี้ “บิ๊กเต่า” ปลด-พักงาน อธิบดีกรมอุทยานฯ

แฟ้มภาพ

“ศรีสุวรรณ” จี้ “บิ๊กเต่า” ปลด-พักงาน อธิบดีกรมอุทยานฯ ปมเปลี่ยนงบกว่าร้อยล้านเพาะชำกล้าไม้ จ่อยื่น ป.ป.ช. ฐานเข้าข่ายเอื้อประโยชน์อธิบดีกรมอุทยานฯ หาก รมว.ทรัพย์ยังเพิกเฉย

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เรื่อง ขอให้ “ปลด”หรือ “พักงาน” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีอื้อฉาวการปลูกกล้าไม้

ตามที่นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ทำหนังสือถึง น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวีวรรณ รักษาการอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณีนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากรกว่า 108 ล้านบาท ไปเพาะชำ 55 ล้านกล้าไม้ เมื่อครั้งนายธัญญา ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ เมื่อปี 2553 และอาจมีการเรียกเงินทอนด้วยนั้น

กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและรับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เก็บซ่อนไว้ใต้พรมมานานกับการใช้โครงการปลูกป่าบังหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพราะโครงการปลูกป่าของกรมป่าไม้-กรมอุทยานฯ มีการตั้งงบประมาณดำเนินการกันแทบทุกปี หากมีการดำเนินการกันอย่างจริงจัง ไม่มีการคอร์รัปชั่น ป่านนี้ประเทศไทยคงมีป่าไม้ล้นประเทศมากกว่า 80% ไปแล้ว แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่าพื้นที่ปลูกป่ายังคงเป็นพื้นที่ว่างเปล่าอยู่มาก และไม่เคยมีการรายงานต่อสาธารณชนว่า การปลูกป่าทุกปีงบประมาณนั้น มีการสัมฤทธิผลตรงตามเป้าประสงค์หรือไม่ เพราะหลายพื้นที่มีการปลูกป่าซ้ำซ้อนในพื้นที่เดียวกันอยู่เสมอๆ และปล่อยให้ไฟไหม้ในพื้นที่ปลูกป่าอยู่ทุกปี เช่น อุทยานแห่งชาติตาดโตน จ.ชัยภูมิ แต่กลับไม่มีการสอบสวนหรือตรวจสอบกันอย่างจริงจังแต่อย่างใด

สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงใคร่เรียกร้องไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รีบ “เก็บกวาดบ้าน” ของตนเองเป็นการด่วน โดยขั้นนี้ต้องรีบออกคำสั่ง “ปลด” หรือ “พักงาน” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯเสียก่อนเป็นขั้นแรก เพื่อเปิดทางสะดวกให้มีการตรวจสอบเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว อันเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2561 ที่ระบุว่า กรณีมีเรื่องร้องเรียนทุจริต ให้กระทรวงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 7 วัน จากนั้นพิจารณาดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายใน 30 วัน กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเหตุน่าเชื่อถือ และเป็นกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้พิจารณาปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ หรือเสนอให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในอัตราชั่วคราวเป็นกรณีในสำนักนายกรัฐมนตรี

นอกจากนั้นจะต้องตั้งกรรมการจากคนนอกเข้าไปสอบสำนักแผนงานฯ สำนักจัดการป่าชุมชน สำนักสนองงานพระราชดำริ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ ซึ่งนายธัญญาอ้างว่าทุกหน่วยงานดำเนินการเหมือนกันหมดนั้น ว่ามีกรณีอื้อฉาวลักษณะเดียวกันหรือไม่ด้วย

ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องนี้ สมาคมฯจักนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้สอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯว่าเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้อธิบดีกรมอุทยานฯหรือไม่ด้วย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์