ประกาศแล้ว ! ระเบียบใหม่ ยึดใบอนุญาตขับขี่ และ ระงับการใช้รถชั่วคราว

ราชกิจจานุเบกษาฯ-ประกาศราชกิจจาฯ

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบใหม่ ว่าด้วยการยึดใบอนุญาตขับขี่ การบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2565 ระบุหากมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอน เหนื่อยล้า ดื่มสุรา ความดันโลหิตสูงและต่ำ มีอารมร์ก้าวร้าว เจ้าพนักงานจราจรสามารถยึดใบอนุญาตขับขี่ และระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ระเบียบ ว่าด้วยการยึดใบอนุญาตขับขี่ การบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2565 ลงนามร่วมกันโดยพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก

สำหรับสาระสำคัญของระเบียบฉบับดังกล่าวระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดระเบียบว่าด้วยการยึดใบอนุญาตขับขี่ การบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่า ผู้ขับขี่ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเอง หรือผู้อื่น เพื่อประโยชน์ในการควบคุมวินัยจราจรของผู้ขับขี่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์ แก่ความปลอดภัยสาธารณะและสวัสดิภาพของประชาชน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 140/2 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบว่าด้วยการยึดใบอนุญาตขับขี่ การบันทึกการยึด ใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2565”

ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวัน (180 วัน) นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

ข้อ 3 ในระเบียบนี้ “สภาพที่หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น” หมายความว่า สภาพของร่างกาย จิตใจ พฤติกรรม มีปัญหาการตัดสินใจ หรือมีกรณีอื่น ๆ ที่เห็นได้ว่า ทำให้บุคคลนั้น ซึ่งหากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น

  • (1) มีสภาพร่างกาย มีอาการป่วยด้วยโรคหรือสภาวะของโรคที่ส่งผลต่อความสามารถ ในการขับรถในขณะนั้น ได้แก่ มีอาการง่วงนอน อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ลมชัก ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ แต่ไม่ถึงกับเป็นความผิดตามมาตรา 43 (1) หรือมีอาการอันเนื่องมาจากการดื่มสุรา หรือของเมาอย่างอื่น แต่ไม่ถึงกับเป็นความผิดตามมาตรา 43 (2) เป็นต้น
  • (2) มีสภาพจิตใจ หรือภาวะทางอารมณ์แปรปรวนที่ส่งผลต่อความสามารถในการขับรถ ในขณะนั้น เช่น ก้าวร้าว อารมณ์ร้าย แสดงอารมณ์ใส่ผู้อื่นอย่างรุนแรง
  • (3) มีพฤติกรรมที่ส่งผลต่อความสามารถหรือทักษะในการขับรถในขณะนั้น

ข้อ 4 ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ตามมาตรา 140 แล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่า ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานจราจรเรียกดูใบอนุญาตขับขี่ หากผู้ขับขี่มีใบอนุญาต ขับขี่อยู่กับตัว ให้เจ้าพนักงานจราจรที่มียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจยึดใบอนุญาตขับขี่ หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลนั้น เพื่อมิให้ผู้นั้นขับรถ ต่อไปอีก การยึดใบอนุญาตขับขี่ บันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปตามแบบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดท้ายระเบียบนี้

ข้อ 5 เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ขับขี่อยู่ในสภาพที่สามารถขับรถต่อไปได้หรือเมื่อเจ้าพนักงานจราจร แน่ใจว่าผู้ขับขี่จะไม่ขับรถในขณะที่อยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานจราจรคืนใบอนุญาตขับขี่ หรือยกเลิกการบันทึก การยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การคืนใบอนุญาตขับขี่ การยกเลิกการบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปตามแบบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดท้ายระเบียบนี้

ข้อ 6 ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ตามมาตรา 140 แล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่า ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น หากเจ้าพนักงานจราจรไม่อาจยึดใบอนุญาตขับขี่หรือบันทึกการยึด ใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลนั้นได้ ให้เจ้าพนักงานจราจรที่มียศตั้งแต่ ร้อยตำรวจตรีขึ้นไปมีอำนาจระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้ผู้นั้นขับรถ ให้เจ้าพนักงานจราจรตามวรรคหนึ่งยอมให้ผู้ขับขี่ขับรถได้เมื่อผู้ขับขี่นั้นอยู่ในสภาพที่สามารถ ขับรถต่อไปได้ หรือเมื่อเจ้าพนักงานจราจรแน่ใจว่าผู้ขับขี่จะไม่ขับรถในขณะที่อยู่ในสภาพดังกล่าว ก็ให้ยกเลิกการระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว การระงับใช้รถเป็นการชั่วคราวเพื่อไม่ให้ผู้นั้นขับรถและยกเลิกคำสั่งระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว ให้เป็นไปตามแบบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดท้ายระเบียบนี้

ข้อ 7 เมื่อเจ้าพนักงานจราจรได้ยึดใบอนุญาตขับขี่ บันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการ ทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวแล้ว เพื่อประโยชน์ในการรักษา ความปลอดภัยแก่ชีวิตและร่างกายของผู้ขับขี่ ให้เจ้าพนักงานจราจรดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้

  • (1) จัดให้มีการส่งตัวผู้ขับขี่ไปยังสถานพยาบาล หรือสถานที่ปลอดภัยและเหมาะสมตามควร แห่งกรณี
  • (2) แจ้งญาติหรือผู้ใกล้ชิดเพื่อการดูแลผู้ขับขี่
  • (3) ดำเนินการอื่นใดตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แก่ผู้ขับขี่

ข้อ 8 เมื่อเจ้าพนักงานจราจรได้ระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวแล้ว เพื่อประโยชน์ในการ รักษาความปลอดภัยในทรัพย์สิน ให้เจ้าพนักงานจราจรดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้

  • (1) แจ้งญาติหรือผู้ซึ่งผู้ขับขี่ไว้วางใจ
  • (2) เคลื่อนย้ายรถเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร
  • (3) ดำเนินการอื่นใดตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แก่ผู้ขับขี่และรถ

ข้อ 9 กรณีที่เจ้าพนักงานจราจรพบว่าผู้ขับรถเป็นเด็กหรือเยาวชน ให้เจ้าพนักงานจราจร รีบแจ้ง แก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรือองค์การที่เด็กหรือเยาวชนอาศัยอยู่ด้วยในโอกาสแรก เท่าที่สามารถจะทำได้ และให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

ข้อ 10 ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้รักษาการ ตามระเบียบนี้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเอง

อ่านประกาศฉบับเต็มที่นี่

ระเบียบยึดใบอนถญาตขับขี่กับยึดรถชั่วคราว

ระเบียบยึดใบอนถญาตขับขี่กับยึดรถชั่วคราว

ระเบียบยึดใบอนถญาตขับขี่กับยึดรถชั่วคราว

ระเบียบยึดใบอนถญาตขับขี่กับยึดรถชั่วคราว