“จีเอเบิล” ปั้นแพลตฟอร์ม ช่วยธุรกิจทรานส์ฟอร์มองค์กร

“นาถ ลิ่วเจริญ” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทจีเอเบิล

วิกฤตโควิด-19 สร้างผลกระทบให้หลายธุรกิจทั่วโลกต้องเร่งปรับตัวในระยะเวลาสั้นลง เป็นความท้าทายที่ทุกองค์กรกำลังเผชิญ “นาถ ลิ่วเจริญ” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชั่นครบวงจรกล่าวว่า โควิด-19 ทำให้หลายองค์กรต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว

ซึ่งจากการเก็บข้อมูลความคิดเห็นผู้บริหารระดับซีอีโอจำนวน 500 บริษัทในประเทศไทย พบว่าสิ่งที่ซีอีโอคำนึงถึงมากที่สุด 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.การเติบโตด้วยการปรับตัวให้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด 2.การประยุกต์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กร

ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรแข่งขันได้ ซึ่ง 5 เทคโนโลยีที่มีผลต่อองค์กรปัจจุบัน คือ AI, digitalization, omnichannel, general IT-related และ cloud computing

ปัจจัยที่ 3 คือ การทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กรด้วยการปรับภายในองค์กรให้สอดรับกับทิศทางและเทคโนโลยีที่จะไป โดยเฉพาะเรื่อง “คน” ด้วยการฝึกอบรม เพิ่มทักษะให้บุคลากร

“กลยุทธ์ขององค์กรมีความสำคัญมาก ต้องวางแผนให้ชัดเจนว่าทิศทางเป็นอย่างไร จะขับเคลื่อนด้วยช่องทางไหน เพื่อสร้างการเติบโตและลดต้นทุน”

ปัจจุบันธุรกิจวางระบบไอที (system integration) แข่งขันค่อนข้างสูงในการสร้างความแตกต่างด้วยโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งจีเอเบิลในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ

และดิจิทัลโซลูชั่นครบวงจรก็ต้องทรานส์ฟอร์มตนเองด้วยการจัดกระบวนการภายในใหม่ รีสกิลพนักงานเพื่อให้รองรับการเติบโตและช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันในตลาดได้

ปัจจุบันมีฐานลูกค้าหลายกลุ่ม เช่น ธนาคาร, มหาวิทยาลัย, บริษัทพลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

เปิด 3 กลยุทธ์เร่งโต

ด้าน “ชัยยุทธ ชุณหะชา” กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทจีเอเบิลกล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทเปรียบเสมือนการสร้างรากฐานให้หลายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งปีนี้จะมุ่ง 3 กลยุทธ์ คือ 1.พัฒนาตนเองสู่การเป็น System integration plus plus ตอกย้ำจุดแข็งด้วย 4 โซลูชั่นใหม่ คือ G-Cloud

ซึ่งข้อมูลจากการ์ตเนอร์คาดว่าตลาดคลาวด์ทั่วโลกปีนี้จะมีมูลค่าถึง 320,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และในไทยจะเติบโต 32% หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการใช้คลาวด์ ถัดมาเป็นโซลูชั่น G-Security จากการโจมตีทางไซเบอร์ขยายตัวทั่วโลกถึง 71% ทำให้ 3 ใน 4 ของบริษัททั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น

ต่อด้วย G-Big DATA โซลูชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้นเพื่อให้การตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์แม่นยำขึ้น และ G-RPA (Robotic Process Automation) โซลูชั่นช่วยลดต้นทุนให้ธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพทางการแข่งขัน

กลยุทธ์ที่ 2 บริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในรูปแบบ Transfomation As A service เข้าไปช่วยลูกค้าทรานส์ฟอร์มองค์กรตั้งแต่ต้นจนจบ

“แม้จีเอเบิลจะเป็นบริษัทเทคโนโลยี แต่ไม่ได้โฟกัสเรื่องดิจิทัล เมื่อไรที่โฟกัสตัวดิจิทัลการทรานส์ฟอร์เมชั่นจะล้มเหลวตั้งแต่แรก เราเอาตัวธุรกิจของลูกค้าเป็นตัวตั้งและนำดิจิทัลเข้ามาปรับใช้”

ปั้นแพลตฟอร์มสร้างจุดต่าง

กลยุทธ์ที่ 3.Own IP Platform ที่จะสร้างความแตกต่างและสร้างรายได้ระยะยาว โดยสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นลิขสิทธิ์ของจีเอเบิล

ซึ่งในเบื้องต้นแพลตฟอร์มที่นำมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า คือ BLENDATA และ Insight Era ในเรื่องการบริหารจัดการดาต้า เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายเฉลี่ย 5,000-6,000 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 5,800 ล้านบาท และอีก 5 ปีข้างหน้าคาดด้วยว่าบริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นจะเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปี

ขณะที่ธุรกิจ Own IP Platform จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 31% และ System Integration Plus Plus โตเฉลี่ย 9%

“แม้โควิดจะเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจไอทีเติบโต แต่บริษัทก็ต้องพัฒนาตนเองต่อเนื่อง ซึ่งการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นใหม่ ๆ ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก บริษัทจึงเปิดกว้างในการระดมทุนทุกช่องทาง

ทั้งการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือการระดมในรูปแบบต่าง ๆ เชื่่อว่าด้วยศักยภาพที่มีในขณะนี้ ทั้งบริการครบวงจร ความเข้าใจลูกค้า และการมีทีมนักพัฒนากว่าพันคนจะทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุม และสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพิ่มกำไรให้บริษัทได้ตามเป้า”