สิ้นสุดการรอคอย สำหรับการสรรหากรรมการ กสทช.ชุดใหม่ เมื่อคณะกรรมการสรรหา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครที่ผ่านเกณฑ์ และเสนอรายชื่อให้วุฒิสภาแล้ว เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา
ผู้ผ่านคัดเลือก 7 ราย 7 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านกิจการกระจายเสียง พลอากาศโทธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการ กสทช. 2.ด้านกิจการโทรทัศน์ ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3.ด้านกิจการโทรคมนาคม นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
4.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 5.ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน นายต่อพงศ์ เสลานนท์
ที่ปรึกษาประจำรองประธาน กสทช. 6.ด้านกฎหมาย ร้อยโท ดร.ธนกฤษฏ์ เอกโยคยะ รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และ 7.ด้านเศรษฐศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ผู้อำนวยการสถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เป็น 7 ว่าที่ กสทช.จากผู้สมัคร 78 คน (รอบก่อนมีผู้สมัคร 80 คน) โดยบรรดาตัวเต็งตบเท้ามาสมัครกันคึกคัก แต่ผ่านเข้าไปไม่ถึงรอบสุดท้าย ซึ่งถือได้ว่า “เซอร์ไพรส์” ไม่ว่าจะเป็นนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ อดีตเลขาธิการ กสทช.,
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์, นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ไปรษณีย์ไทย, นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นต้น
การคัดเลือกรอบนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนตรงที่รอบที่แล้วจะเลือก 7 ด้าน ด้านละ 2 คน รวม 14 คน แล้วส่งให้วุฒิสภาเลือก 1 ใน 2 ของผู้ผ่านการคัดเลือกแต่ละด้านอีกที
แต่หนนี้เคาะเลือกเองกับมือด้านละ 1 คน ด้วยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของคณะกรรมการสรรหา กสทช. ก่อนส่งไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าจะเห็นชอบตามที่เสนอทั้งหมดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการคัดเลือกโดยคณะกรรมการสรรหา กสทช.ก็ยังใช้สิทธิตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ได้
1 ใน 78 ผู้สมัครกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลการคัดเลือก บอร์ด กสทช.รอบนี้ยังปรากฏรายชื่อผู้ที่เคยมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติ กลับเข้ามามีชื่ออยู่ในผู้ผ่านคัดเลือกด้วย
อีกทั้งยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเกณฑ์ในการคัดเลือก โดยเฉพาะการวินิจฉัยคุณสมบัติของผู้สมัครบางรายที่ไม่ได้รับเลือกด้วยเหตุที่ว่าเข้าข่ายเป็นผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. รวมถึงลาออกจากตำแหน่งไม่ครบ 1 ปี เป็นต้น
“กรณีนายฐากร กรรมการสรรหาเห็นว่าพ้นวาระเลขาธิการ กสทช.ไม่ถึง 1 ปีก่อนปิดรับสมัครทำให้พ้นจากตำแหน่ง ผอ.วิทยุ 1 ปณ.ไม่ครบ 1 ปีด้วย เช่นกันกับพลโทสรรเสริญ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์”
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สมาชิกวุฒิสภาอาจไม่โหวตผ่านทั้ง 7 ด้านก็ได้ ซึ่งตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ระบุว่า หากเกิดกรณีไม่ให้ความเห็นชอบ ผู้ได้รับการเลือกรายใดตามมาตรา 16 วรรค 2 ให้กรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาบุคคลใหม่แทนผู้นั้นแล้วเสนอวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อไป
ซึ่งผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 5 คน ให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภาจัดให้ผู้ได้รับเลือกประชุมร่วมกัน เพื่อเลือกคนหนึ่งคนใดเป็นประธานกรรมการแล้วแจ้งต่อประธานวุฒิสภารับทราบ เพื่อแจ้งนายกรัฐมนตรี
และเมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้ว ให้กรรมการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจได้ โดยให้ถือว่า กสทช.ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ และให้ดำเนินการสรรหาเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องสรรหาต่อไป
เท่ากับว่าถ้าสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบ 5 ใน 7 คน บอร์ด กสทช. ชุดใหม่ก็จะปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบ 7 ด้าน และหากมีการฟ้องคดีเกี่ยวกับการสรรหาของกรรมการ
ต่อศาลปกครอง การฟ้องคดีดังกล่าวก็จะไม่เป็นเหตุให้ระงับหรือชะลอการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการสรรหาที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เว้นแต่ศาลปกครองจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
และคงต้องจับตาว่า เมื่อวุฒิสภาได้รับรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกแล้วจะลงมติก่อนปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 18 ก.ย.นี้ หรือลงมติในช่วงเปิดสมัยประชุมสภารอบหน้าวันที่ 1 พ.ย. 2564