อะไรซ่อนอยู่ใน Metaverse

รายงานข่าวเปิดเผยว่า อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ ได้นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับโลก Metaverse ในบทความชื่อ “อะไรซ่อนอยู่ใน Metaverse”

วันที่ 13 ธันวาคม 2564 โดยนางสาวเซลินา หยวน ผู้จัดการทั่วไป หน่วยงานด้านธุรกิจระหว่างประเทศ อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า เมตาเวิร์ส (metaverse) คือโลกแห่งความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุดที่อาจเคยเห็นแต่ในนวนิยายวิทยาศาสตร์ แต่วิธีการง่าย ๆ ที่จะเข้าใจ metaverse ได้ดีขึ้น คือการชมภาพยนตร์ฮอลลีวูด

เช่น Avatar และ Ready, Player One ซึ่งถ่ายทอดจักรวาลดิจิทัลสามมิติที่นักแสดงหลีกหนีจากความจริงทางกายภาพ และมีส่วนร่วมกับผู้อื่นผ่านตัวตนจำลองในโลกเสมือนจริง (avatar) ของตนที่สร้างขึ้นมา และหาประสบการณ์จากทุกสิ่งที่ต้องการได้

นอกจาก metaverse จะเป็นคู่แฝดทางดิจิทัลของความเป็นจริงในโลกทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีศักยภาพที่แท้จริงซ่อนอยู่ นั่นคือความสามารถในการใช้ความฉลาดทางดิจิทัลที่ใช้ประโยชน์อยู่แล้วให้มีประสิทธิผลขึ้นทำให้มองเห็นแนวทางการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ และเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโลกแห่งความเป็นจริงที่เขียวชอุ่มขึ้น มีความเสมอภาค มีส่วนร่วมซึ่งกันและกันมากขึ้น และมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

เซลินา หยวน

จัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Metaverse ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการสร้างโลกเวอร์ชวลที่สมบูรณ์แบบแต่ยังเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ไปใช้จัดการปัญหาเร่งด่วนมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รายงานของ Institute of Chartered Accountants in England and Wales และBritish Chamber of Commerce Singapore แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความสุ่มเสี่ยงมากที่สุดในโลก ต่อการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ

โดย 6 ใน 20 ประเทศทั่วโลกที่มีความสุ่มเสี่ยงอยู่ในภูมิภาคนี้ คือ อินโดนีเซีย ไทย เมียนมา มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

อุทกภัยคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 250,000 ราย และสร้างความเสียหายกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2523 คิดเป็น 40% ของความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว เป็นภัยคุกคามที่แท้จริงต่อหมู่เกาะจำนวนมากตามชายฝั่งทะเลที่อยู่ในภูมิภาคนี้ และที่มีพื้นที่ลุ่มต่ำ

ภัยธรรมชาติเหล่านี้อาจทำลายบ้านเรือนจนอยู่อาศัยไม่ได้ และสร้างความกดดันต่อเนื่องมายังเรื่องของการจัดหาเสบียงอาหารและระบบเศรษฐกิจต่าง ๆ

ผู้บริหาร อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวต่อว่าในเบื้องต้นอาลีบาบา คลาวด์ ได้สร้างแพลตฟอร์มที่มีการนำข้อมูลที่มีอยู่ปัจจุบันมาใช้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น (nowcasting platform) เช่น สภาพอากาศในช่วงสั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ภูมิภาคนี้ควบคุม และรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสภาพอากาศได้

“เทคโนโลยีที่ทำงานโดยดึงภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยาด้วยความแม่นยำสูงแบบเรียลไทม์จะช่วยติดตามปริมาณน้ำฝน ความเร็วลม และสภาพอากาศที่รุนแรงต่าง ๆ เพื่อลดความเสียหายต่อพืชผลการเกษตรและปศุสัตว์ให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งช่วยให้ผู้จัดส่งผลผลิตจัดเส้นทางการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากแปลงความฉลาดนี้ให้เป็น metaverse ได้จะมีประโยชน์มาก

เช่น การแปลง และทำแผนที่ข้อมูลสาธารณะที่เกี่ยวกับสภาพอากาศแปรปรวนที่เกิดในรูปแบบต่าง ๆ หรือความถี่ของการเกิดภัยธรรมชาติเป็น metaverse จะช่วยให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของเหตุการณ์เหล่านี้ และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น ขณะที่การเก็บข้อมูลฝนที่ตกหนักอย่างเดียวจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เกิดน้ำท่วมรุนแรงได้เท่านั้น

ผลกระทบจากภัยที่เกิดจากสภาพอากาศจะหนักหนาขึ้นมาทันที หากเกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยของใครสักคน เช่น ที่บ้าน หรือที่โรงเรียนบุตรหลาน การสร้างสถานที่ต่าง ๆ ที่จำลองโลกจริงแบบสามมิติช่วยให้เห็นภาพภัยพิบัติจริงที่จะเกิดขึ้นในแต่ละสถานที่ที่คุ้นเคย ผลกระทบแบบเสมือนจริงที่เกิดขึ้นใน metaverse เป็นเครื่องเตือนใจที่จริงจังว่ามนุษย์ควรดำเนินชีวิตและปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างไร

ปรับปรุงการดำเนินงานและการออกแบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ยังปรับปรุงการดำเนินงาน และการออกแบบสิ่งต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นไว้ในสภาพแวดล้อมและในภาคการผลิต ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ โดย metaverse มีความเกี่ยวข้องทันทีกับเมืองต่าง ๆ ที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ การก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเทคโนโลยีคลาวด์ และ IOT มีอิทธิพลสูง metaverse จะเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการและทดสอบสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ในอนาคต ก่อนที่จะนำไปใช้ในโลกจริง

อีกทั้งฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงมากที่วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เป็นรูปทรงเรขาคณิตได้รวดเร็ว ถอดผลการคำนวณ และแสดงผลได้แบบเรียลไทม์ ผ่านแผนที่สามมิติที่สื่อสารกันได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ฐานข้อมูลของอาลีบาบา คลาวด์ คำนึงถึงตอนสร้าง GanosBase เป็นครั้งแรก

โดย GanosBase เป็นกลไกฐานข้อมูลแบบคลาวด์-เนทีฟ ที่วิเคราะห์ และแปลข้อมูล 3D และ 4D เพื่อสร้างฝาแฝดดิจิทัล ทำการจำลองโลกทางกายภาพ

ในส่วนของการสร้างสภาพแวดล้อมนั้น การใช้ประโยชน์จากความเข้าใจเชิงลึกที่จำลองมาด้วยความชาญฉลาดแบบเรียลไทม์ช่วยสร้างโอกาสในการผสมผสานการออกแบบที่ยั่งยืนได้ดีกว่า ผู้ออกแบบเห็นภาพเสมือนจริงของโครงสร้างในการก่อสร้างอาคารหนึ่ง ๆ ใน metaverse และนำมาใช้ประโยชน์ เช่น เพื่อหาอัตราส่วนที่ลงตัวระหว่างหน้าต่างและผนัง, ใช้แสงจากธรรมชาติให้มากที่สุด, คาดการณ์วัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ว่าจะทนทาน และยั่งยืนเพียงใด และเพื่อวางแผนแนวทางใหม่ ๆ ในการสร้างพื้นที่สีเขียวและอนุรักษ์ธรรมชาติ

การสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่สอดคล้องกับแผนการผลิตจริงผ่านเทคโนโลยี AR/VA และโฮโลแกรม (holographic) สามารถทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม เช่น อุตสาหกรรมการผลิตได้ โรงงานที่มีการนำเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อถึงกันหรืออุปกรณ์อินเทอร์เน็ตออฟทิงส์ (Internet of Things: IOT) มาใช้ จะช่วยให้ผู้ผลิตจำลองการตั้งค่าการผลิตจริงใน metaverse ก่อนได้

เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้ฝึกฝนวิธีควบคุมการทำงานแบบเสมือนจริง และตรวจหาข้อผิดพลาดที่เกิดกับการตั้งค่าการผลิตต่าง ๆ ได้ โดยไม่ต้องสร้างจริงเลย เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 ที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง พนักงานที่อยู่ต่างประเทศจะได้รับการฝึกอบรมจากระยะไกล เพื่อให้รู้จักและคุ้นเคยการทำงานแบบเสมือน ก่อนที่จะได้ทำงานกับเครื่องจักรจริง ไม่ต้องเสียเวลารอให้สถานการณ์ดีขึ้นจนเดินทางเข้าอบรมด้วยตนเอง

เชาวน์ปัญญาที่เกิดใน metaverse สามารถถ่ายโอนไปยังโลกแห่งความจริงได้ เพื่อนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ AI algorithms, เพื่อสนับสนุนการทรานส์ฟอร์ม และอัพเกรดโรงงานต่าง ๆ ทั้งใช้เพื่อทำเวิร์กช็อปและกำหนดสายการผลิตโดยไม่ต้องเสียเวลาที่ต้องเดินทางเข้าปฏิบัติงานด้วยตนเอง และลดการสิ้นเปลืองทรัพยากร

เพิ่มสมรรถนะ metaverse

การเพิ่มสมรรถนะให้ 4 เทคโนโลยีเลเยอร์ของ metaverse ต้องใช้ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมาก เลเยอร์ที่ 1 จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี AI, คลาวด์ และ IOT ประสิทธิภาพสูง เพื่อสร้างแบบจำลองทางเรขาคณิตของสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์ปลายทางที่หลากหลาย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สมจริง

เทคโนโลยีอื่น เช่น การเรนเดอร์จากระยะไกล ซึ่งทำการสตรีมอินพุตแบบเสมือนไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างโลกเสมือนให้ใกล้เคียงกับโลกทางกายภาพ และทำให้มั่นใจว่าผู้คนและวัตถุในโลกเสมือนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางกายภาพที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง

การสลายแนวแบ่งเขตของโลกเสมือนและโลกจริงให้หมดไป ต้องใช้เทคโนโลยี AR และ VR สร้างแผนที่สามมิติที่มีความแม่นยำสูง ขณะเดียวกันยังมอบประสบการณ์เฉพาะ เช่น การบริการลูกค้าและการให้คำแนะนำแบบเสมือน เป็นต้น โดยเทคโนโลยีต่าง ๆ ต้องทำงานร่วมกันเพื่อเชื่อมสองโลกเข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม metaverse ทำให้ต้องการในการใช้พลังงานและการผลิตเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นองค์กรต่าง ๆ จะจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ได้ด้วยการพิจารณาใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด เช่น ระบายความร้อนด้วยของเหลวเพื่อลดการใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลเพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า การใช้ระบบติดตามตรวจสอบอัตโนมัติ การบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพให้งานอื่น ๆ ที่ใช้พลังงานมาก